ขุนทึง – ขุนเทือง
เนื้อเฮื่อง
มีเมืองหนึ่งซื่อว่า เมืองเซียงเงื้อม หลือว่าเซียงใหญ่ มีกษัตริย์ซื่อว่าท้าวขุนเทืองและมเหสีซื่อนางบุสดีปกครองนคร มื่อหนึงขุนเทืองอยากเข้าป่าเข้าดง กะเลยออกท่องแต่เมืองไปดง ๒ เดือน พัดว่าไปพ้อลำน้ำหนึ่ง เป็นสวนพญานาค แล้วบัดนี้กะได้พ้อกับลูกสาวพญานาคซื่อว่า นางแอกใค้ ทังสองกะฮักกัน ขุนเทืองเลยไปบาดาลนำนาง แล้วกะอยู่พุ่น ๒ ปีกว่า
ละหว่างที่ขุนเทืองบ่อยู่นางบุสดีได้เอาหมอมอมาทวยเบิ่งว่าขุนเทืองอยู่บ่อนใด๋ คันได้ฮู้ว่าขุนเทืองอยู่เมืองพญานาคกับลูกสาวพญานาค นางบุสดีกะไปบะกับซุมผี เทิงผีน้ำ ผีตายาย ผีเมือง แล้วกะไปนำท้าวขุนเทืองเมือเมือง ขุนเทืองจั่งลานางแอกใค้และพญานาคเมือเมือง นางแอกใค้กะมาส่งขุนเทืองฮอดท่า ก่อนสิเมือนางจกเอาลูกในท้องแล้วเอาใบตองทึงห่อลูกให้ขุนเทืองเอาไปเลี้ยง ค่อมว่าฮอดเมืองแล้วนางบุสดีเคียดแฮง หาเรื่องเฮ็ดอันตรายใส่ลูกนางแอกใค้ ขุนเทืองเบิ่งทรงบ่เข้าท่าเลยให้เสนาอำมาตย์เอาลูกซายซื่อขุนทึงไปโผดป่า ขุนทึงอยู่ในป่าอย่างสุขซำบายย้อนว่ามีเทวดาและสัตว์ทังหลาย คอยเบิ่งแยงอยู่ จนว่าครบขวบปี ขุนเทืองคึดฮอดขุนทึง จั่งให้พวกอำมาตย์ออกไปเสาะสืบว่ายังอยู่บ่ คันฮู้ว่ายัง กะไปเอิ้นเข้ามาอยู่ในเมือง
พอขุนทึงใหญ่ขึ้นเป็นบ่าวกะอยากพ้อแม่คีง กะเลยถามพ่อเถิงบ่อนอยู่บ่อนเซาของแม่ คันฮู้ว่าเป็นนาคีอยู่เมืองบาดาล กะเลยลาพ่อไปเยี่ยมยามถามข่าวแม่ แล้วกะออกท่องไปนำแนวพ่อเว้าสู่ฟังจนฮอดท่า แล้วกะเอาไม้ตีน้ำเอิ้นซุมนาคให้มาหา คันนาคถามเบิ่งกะฮู้ว่าเป็นลูกของนางแอกใค้ จั่งพาขุนทึงไปเมืองบาดาล ขุนทึงได้พ้อแม่ ตา และยาย อยู่นั่นดนเติบจั่งได้ลาแม่เมือเมืองเชียงเงื้อมของพ่อ นางแอกใค้บอกให้ลาตาแล้วขอของวิเศษเป็นเครื่องติดโตยามเดินดง พัดว่าขุนทึงไปลาตา ตากะได้ให้ของวิเศษ ๓ อย่าง กะคือ หม้อทองแดง ดาบ แล้วกะง้าว แล้วขุนทึงกะมาถามวิธีใซ้กับแม่ นางแอกใค้บอกวิธีใซ้ว่า หม้อนั้นมีซุอย่างอยู่ข้างใน คันอยากได้หยังให้ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วเคาะค่อยๆ แนวที่อยากได้สิออกมา ดาบนั้นใซ้สู้กับผู้ร้าย อันง้าวนั้นให้ลากไปอย่าคอนหลือว่าถือไป คันยามลากแล้วบ่เกี่ยวหยังกะให้ย่างไปเลื่อยๆ ห้ามนอน จั๊กมื่อกะซ่าม แต่คันง้าวไปเกาะหยังแล้ว ให้หยุดนอน คันแม่มาส่งเถิงท่าแล้วก็ท่องไปเฮ็ดนำคำแม่ ย่างอยู่หลายมื่อจนว่าฮอดแม่น้ำใหญ่ง้าวกะเกี่ยวหยุด สิดึงจั่งใด๋กะบ่ไป กะเลยหยุดนอนหม่องนั่น คันตื่นขึ้นหม่องนั่นกะกลายเป็นเมืองใหญ่ ซื่อว่า ศรีสัตนาคนหุต ขุนทึงกะเลยเคาะหม้อทองแดงแล้วกะมีแม่ญิงออกมา ๒ คน ซื่อ ทึง และทอง เลยอภิเษกเป็นมเหสีทั้งสองคน
ขุนทึงครองศรีสัตนาคนหุตอย่างมีควมสุข มื่อหนึ่งขุนทึงออกไปเลาะเถื่อนผู้เดียว ท่องไป ๑๕ มื้อได้ ฮอดป่าหิมพานต์ พ้อซะนีอยู่ใกล้กับอาศรมฤาษี ซะนีกะแปงกายเป็นคนแล้วใส่ยาแฝดให้ขุนทึงฮัก ขุนทึงถืกของ มักนางซะนีหลาย แล้วกะได้อยู่ถ้ำกับซะนีในป่าหิมพานต์นั้น จนว่า ๓ ปี ได้ลูกซายผู้หนึ่งซื่อ อำคา หรือ อู่แก้ว ภายลุนขุนทึงได้ลานางซะนีเมือเมืองศรีสัตตนาคนหุต พร้อมท้าวอำคา ลูกซายและคำมั่นกับนางซะนีว่าสิมาฮับไปอยู่ในเมืองนำ นางทึงและนางทองกะก็ดีเอิกดีใจแฮง และฮักท้าวอำคาคือลูกจะของ บัดแล้วขุนทึงกะได้ไปฮับนางซะนีมาคือจั่งคำมั่นไว้ และสั่งซาวเมืองซุคนให้ผูกหมาไว้ให้ดี อย่าให้ไปเลาะทั่วทีป แต่บัดนางซะนีมาฮอด นางทึง นางทองกะปล่อยหมาไล่สวบนางซะนีหนีเมือไปอยู่ถ้ำคือเก่า ยามขุนทึงเฒ่าซรากาลจั่งอภิเษกท้าวอำคาเป็นกษัตริย์สืบเซื้อมา
ตัวละคร ขุนเทือง ผู้ที่มีความซื่อสัตย์ต่อมเหสี และรักลูกชายของตน
ขุนทึง ผู้มีบุญญาธิการ มีความซื่อสัตย์ และมีความสามารถด้านศิลปศาสตร์
ต้นฉบับ อยู่ที่วัดชัยภูมิวาราม จ.ชัยภูมิ จารด้วยตัวอักษรไทน้อย อาจารย์พิทูร มลิวัลย์ ได้ถอดเป็นอักษรไทยปัจจุบัน พิมพ์ท่โรงพิมพ์ประยูรวงศ์ พ.ศ.๒๕๑๑
พุทธศาสนาและความเชื่อหรือประเพณี ในวรรณกรรมเรื่อง ขุนทึง - ขุนเทือง ปรากฏพิธีกรรมความเชื่อเรื่องการบูชาผีบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งของชาวอีสาน
ก็จึงฮอดแก่วกว่างทุ่งใหญ่เพนี มีนทีหลวงผ่ากลางหลายห้วย
ขอคำน้อยคาเสียแก่ท้าว ไปบ่ได้นอนหั้นบ่หนี ได้แล้ว
บัดนี้จึงขำเขือกขึ้นบังเกิดเป็นเมือง เรืองเรืองใสเกิ่งดาวดึงส์ฟ้า
มีทั้งคนหลายล้นเพนีหลายโกฎ เยาวโยชน์กว้างเชียงกว้างแม่เมือง