top of page

ท้าวก่ำกาดำ

เนื้อเฮื่อง

กล่าวเถิงผัวเมียคู่หนึ่งอยู่นำกันมาดนเติบได้ ๗ ปี ทั้งสองบ่มีลูกเลย กะเลยพากันอธิษฐานขอลูกจากพระอินทร์ โดยเฮ็ดพิธีบูซาและอธิษฐานขอลูกจากพระอินทร์ พระอินทร์กะประทานลูกให้เป็นซาย ก่อนท้องแม่ฝันว่ามีลูกแก้วสีดำตกเข้าปาก ลูกแก้วลอยหนีไปเฮืองแสงแจ้งไปทั่ว คันตั้งท้องกะเกิดลูกเป็นซายโตดำคืออีกา เด็กน้อยเฮ็ดให้ไทบ้านส่าหลาย นางพยายามสิเมี้ยนเด็กน้อยให้สิ้น แต่ผัวกะห้ามไว้

นางอดสาเลี้ยงจนเด็กน้อยอายุได้ ๓ ขวบปี ลูกกะยังบ่ยอมเว้านำ นางเคียดหลาย เลยอ้างคำทวยหมอในบ้าน นางจั่งเอาลูกน้อยไปลอยแพ แพกะพาเด็กน้อยล่องไป ๗ มื้อ ๗ คืน จนว่าไปตกอยู่กลางหาดทรายหลายเดือน  พระอินทร์เห็นว่าทุกข์คักทุกข์แหน่กะเลยให้กาดำมาซ่อยและตั้งซื่อให้ว่า ก่ำกาดำ เอาไปไว้อยู่เมืองเป็งจาล   ก่ำกาดำไปอาศัยอยู่สวนธิดาเจ้าเมือง และเก็บผลไม้กิน จนมื่อหนึ่งเฒ่ายายเฝ้าสวนมาพ้อเลยเฮ็ดบ่วงไว้ ก่ำกาดำตั๋วว่าติดบ่วง  ยายกะเลยเอาก่ำกาดำไปเลี้ยงไว้  คันก่ำกาดำได้อยู่กับยายจำสวน ยายบ่ยอมให้ก่ำกาดำออกไปไส ค่อมว่า คันคนมาพ้อ เพิ่นสิหาว่าเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง

ท้าวก่ำกาดำมีความสามารถพิเศษในการฮ้อยดอกไม้และเป่าแคน กะเลยได้ร้อยดอกไม้เป็นฮูปผู้ซายเกี้ยวแม่ญิง  ฝากยายจำสวนให้เอาเข้าไปให้นางลุน  ลูกสาวหล่าเจ้าเมือง นางลุนพอใจคัก   ฮังว่าก่ำกาดำสิแสดงความสามารถให้ยายประจักษ์แล้ว แต่ยายกะบ่ยอมให้ก่ำกาดำได้พ้อผู้คน แฮ่งเป็นกลางเว็น คนกะแฮ่งย่านยามเห็นก่ำกาดำ ก่ำกาดะได้แต่ลี้หนี  นางลุนกะอยากเห็นโตคนฮ้อยมาลัย

มื่อหนึ่ง กินรีเฮ็ดอุบายให้ยายพานางมาชมสวน คันก่ำกาดำได้พ้อนาง ก็เกิดควมฮักขึ้น ก่ำกาดำเป็นคนเป่าแคนหม่วน กะเลยเป่าแคนสู่คนฟัง เสียงส่าไปทั่วว่ากินรีเป่าแคนหม่วนไปทั่วเมือง 

มื่อนึงก่ำกาดำได้ถอดฮูปงามสง่าไปหานางลุน นางลุนพอใจและฮักก่ำกาดำหลาย ก่ำกาดำว่า เจ้าของมาแต่เมืองอินทปัฐ ทั้งสองคนฮักกัน และก่ำกาดำก็ได้นางลุนเป็นเมีย

เจ้าเมืองฝันว่าซ้างมาไล่คน กินอ้อยกินกล้วยของเมือง จึงให้หาหมอมอ (โหร) มาทวยซะตา

ก่ำกาดำได้เข้าเฝ้ากษัตริย์ ย้อนว่ามีคนส่ามาฮอดพระกรรณว่าเป่าแคนหม่วน ยามคืนก่ำกาดำไปหานางลุนและได้ขอแหวนกับผ้าสไบมาไว้ คันเมือมาฮอดบ้านกะขอให้ยายไปขอแม่ญิงให้  เจ้าเมืองฮ้องสิเอาสินสอดเงินแสนซั่ง ทองแสนซั่ง ช้างพันโต มีคนขี่พร้อม ข้าฮับใซ้พันคน ขัวเงิน ขัวคำ ค่วมมาแต่บ้านยายฮอดพระราชวัง ย้อนว่าก่ำกาดำเป็นคนดี บ่คิดฮ้ายกับไผ พัดว่าพระอินทร์ฮู้เรื่องกะทรงลงมาซ่อย มีพญานาคมาซ่อยเฮ็ดขัวให้ หาสินสอดซุอย่างมาให้ ในที่สุดก่ำกาดำกับนางลุนกะได้ดองกัน อยู่กินอย่างมีความสุข

ตัวละคร   ท้าวก่ำกาดำ เป็นชายร่างกายอัปลักษณ์แต่มีจิตใจที่งดงาม และเป็นผู้มีความสามารถ

ต้นฉบับ   ๑. ก่ำกาดำฉบับวัดบ้านนาท่ม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร จารด้วยตัวอักษรไทยน้อยความยาว ๕ ผูก ๒๑๔ หน้าลาน ปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ที่ศูนย์วัฒนธรรม สถาบันราชภัฎมหาสารคาม อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ก่ำกาดำสำนวนนี้ไม่ปรากฏปีที่จาร

                    ๒. ก่ำกาดำฉบับวัดบ้านหนองท่ม ตำบลนาสีนวน อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม จารด้วยตัวอักษรธรรมอีสาน ความยาว ๕ ผูก  สำนวนนี้ไม่ปรากฏปีที่จาร เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒ อาจารย์สุภณ สมจิตศรีปัญญา ภาควิชาภาษาไทย วิทยาลัยครู มหาสารคาม ได้ปริวรรตก่ำกาดำสำนวนนี้เป็นภาษาไทยกลาง พิมพ์เป็นรูปเล่ม ความยาว ๑๑๐ หน้า ขนาดหนังสือ ๑๖ หน้ายก ต้นฉบับเดิมยังคงเก็บรักษาไว้ที่วัดบ้านหนองท่ม ตำบลนาสีนวน อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม

                   ๓. ก่ำกาดำฉบับนายปรีชา พิณทอง ได้ชำระเทียบเคียงจากหลายสำนวนพิมพ์ด้วยอักษรไทยกลาง พิมพ์เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๗ จัดจำหน่ายโดยโรงพิมพ์ศิริธรรม ถนนชยางกูร อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ขนาดหนังสือ ๑๖ หน้ายก จำนวน ๘๓ หน้า

พุทธศาสนาและความเชื่อหรือประเพณี  เป็นวรรณกรรมที่สะท้อนให้เห็นค่านิยมในสังคมมนุษย์ประการหนึ่ง คือมนุษย์ไม่ยอมรับความสามารถ ความดีงาม ที่แฝงอยู่ในรูปกายที่อัปลักษณ์   คติธรรมที่ได้จากเรื่องนี้คือเรื่องของคนที่ข้างนอกขรุขระแต่จิตใจงดงามเข้าทำนองที่ว่า ผ้าขี้ริ้วห่อทอ

เจ้าผู้อ่อยม่อยหน้าท้าวก่ำกาดำ       บาก็จาคำแข็งต่อยายดีค้อย

ท้าวก็ปากจ้อย ๆ อ้อนอิ่นกินนะรี              ข้อยบ่กลัวเกรงสังท่อใยยองน้อย

ชาติที่ดวงคนนี้ยังขวงไว้ก่อนยายเอย            เพิ่นสิไหลล่องน้ำต่างให้ซุ่มเย็นหั่นถอน

เจ้าอดสาเลี้ยงข้อยไว้บุญหลายหลอนใหญ่     คุณเจ้ามีหมื่นตื้อเมื่อหน้าข้อยบ่ลืมย่าเอย

ข้อยจักโผดให้เจ้าเป็นสาวสองเทื่อ              ข้อยสิให้ผู้บ่าวส่ำน้อยเทียวขึ้นย่องลง หั่นแล้ว

bottom of page