top of page

ท้าวยี่

เนื้อเฮื่อง

กล่าวเถิงเมืองจำปา มีท้าวเกิดในตระกูลซาวไฮซาวนา เพิ่นซื่อว่าท้าวยี่ พ่อเพิ่นนั่นซื่อสุดโท เพิ่นมีอ้ายซื่อท้าวย่า ย่างเข่าเดือนหกยามฝนฮอดฤดูเฮ็ดนา พ่อเพิ่นกะพาลูกซายทั้งสองออกไปเฮ็ดนาคือทุกปี อยู่เทิงถียงนาน้อยเหลียวเบิงข้าวเขียวเต็มท่ง พ่อลูกเว่าจาว่าอากาศดีแบบนี้คึดอยากได้อิหยังหลายที่สุด ผู้พ่อแฮกเฮิ้มเว่า “พ่ออยากได้ข้าวเหนียวฮ้อนๆ ปลาแดกบอง มีบักเขือเป็นผักคุ้ย สิกินให้อิ่มหนำใจ”  ท้าวย่าเว่าว่า “ลูกอยากได้ข้าวจี่ปั้นซ่ำคันแทนา ทาไข่ มีนน้ำอ้อยยัดใส้ สินอนกินให้สำราญใจ” ฮอดท้าวยี่บัดเว่าว่า “ลูกอยากได้เป็นราชาครองเมือง มีปราสาท ๘ หลัง อ้อมๆมีอำมาตย์เสนา ข้าทาสบริวาร ๖๐,๐๐๐ นาง” พอท้าวยี่เว่าจบลงท่อนั้น ผู้พ่อกะฮ่ายว่าเว่าเกินฐานะ บ่รู้จักเจียมโตเจ้าของพร้อมทั้งฟาดสั่งสอนไป ท้าวยี่แล่นไห้ไปหาแม่ พอแม่ฮู้เรื่องแม่กะฮ่ายอีกว่าเป็นคนสามหาวบ่เจียมเนื้อเจียมโตแถมยังฟาดซ้ำอีก ท้าวยี่บ่มีหม่องเพิ่งเลยแล่นไปหาลุงอยู่บ้าน ลุงกับป้าฮู้เรื่องเพิ่นกะโอ๋กะออยเอาแล้วฮับมาอยู่นำกัน พร้อมทั้งสู่ขวัญอวยพรให้ได้รับในสิ่งที่อยากได้ พร้อมทั้งให้ควายเผือกไปดูเลี้ยง ๑ โต

 

จักกล่าวเถิงพระยาล้าน้ำแห่งเมืองเป็งจาล พระมีไก่ขาวคู่บารมี ไก่โตนี้เป็นไก่วิเศษทุก ๓ ปีสิขันเที่ยหนึ่ง บันดาลให้ฝนแก้วมณี ๗ ประการตกลงมาทั่วเมือง จึงเฮ็ดให้เมืองเป็งจาลอุดมสมบูรณ์ ซาวเมืองบ่มีผู้ยากจน แต่มาบัดนี้พระเกิดประซวรกระทันหัน หมอหลวงเพิ่นรักษาโดยยาอิหยังกะบ่หาย โหรหลวงเลยทำนายว่าต้องได้ควายเผือกมาเป็นสัตว์คู่บารมี อาการประซวรจั่งจะเซาขาดได้ เมื่อได้ฮู้ว่ามีควายเผือกโตหนึ่งอยู่ในเมืองจำปา พระจึงสั่งให้อำมาตย์ไปซื้อควายเผือกโตนั้นมาเดี๋ยวนี้ พออำมาตย์กับพวกเดินทางไปฮอดเมืองจำปา กะฟ่าวไปเฮือนท้าวยี่เพื่อขอซื้อควายเผือก ท้าวยี่ได้ถามว่าสัตว์คู่บ้านคู่เมืองเป็งจาลคือสัตว์อิหยัง เมื่อท้าวยี่ฮู้ว่าเป็นไก่ขาว ก็ขอแลกควายเผือกกับไก่ขาว อามตย์กับพวกบ่สามารถตัดสินใจได้ เลยเชิญให้ท้าวยี่เดินทางไปเมืองเป็งจาล เข้าเฝ้าพระราชาและทูลขอโดยเจ้าของเอง ท้าวยี่กับลุงจึงได้ออกเดินทางไม่เมืองเป็งจาลพร้อมกับควายเผือก ยางโดนแรมเดือนจึงเข้าเขตปลายแดนเมืองเป็งจาล ได้หยุดเซาเหมื่อยอยู่เมืองปลายแดนนั้น หม่องเมืองปลายแดนมีเศรษฐีผู้หนึ่งผู้รักษาเมือง เศรษฐีผู้นั้นมีลูกสาวงามซื่อว่าบัวไขมาอายุ ๑๕ ปี ตกดึกยามค่ำในมื่อนั้น

หลังกินข้าวแลงท้าวยี่ก็ไปเที่ยวซอมเบิ่งผู้สาวเมืองเข็นฝ้าย(ปั่นฝ้าย)  ท้าวยี่ดีดพิณเสียงม่วนไพเราะเฮ็ดให้ผู้สาวมักผู้สาวหลง มีการจ่ายผญาเกี้ยวโต้ตอบกับผู้สาวอย่างม่วนซื่นเบิดคืน ยามเช้ามีคำซ่าเรื่องผู้บ่าวต่างเมืองผู้มีเสน่ห์ รูปหล่อ เจ้าคารมของท้างยี่ ก็ได้ยินไปฮอดหูสาวบัวไข นางอยากพ้อจึงให้ท้าวยี่มาพ้ออยู่ปราสาท ท้าวยี่บ่ไปพ้อเพราะถือว่าเจ้าของเป็นคนจน สาวบัวไขเลยน้อยใจว่าท้าวยี่บ่ให้ความสนใจเลยเข้าไปหาผู้พ่อ เศรษฐีกะได้เตือนลูกสาวว่าเจ้าของเป็นหญิงบ่ควรนัดผู้ชายมาพ่อ ผิดฮีดคองประเพณี ควรรักนาลสงวนโต เรื่องคู่ครองเป็นเรื่องของบุญกรรมเก่าคราวหลัง ท้าวยี่เป็นผู้มีบุญวาสนาสูงเป็นคนที่พระราชาเชิญให้เข้าเฝ้า เป็นหยังคือไปเชิญแขกอันมีศักดิ์ใหญ่มาพ่อเจ้าของ

 

เจ้าของสมควรที่จะไปพ่อเขาจั่งถืกต้อง เพื่อเป็นการไถ่โทษจึงให้เตรียมเครื่องขอขมาไว้แล้ว เศรษฐีกะพาลูกสาวพร้อมขบวนบริวารซ้างไปอัญเซิญท้าวยี่ให้เป็นเจ้าเมือง แต่ท้าวยี่บ่รับเป็นเจ้าเมือง แต่ยอมรับสาวบัวไขเป็นเมีย เศรษฐีกะได้จัดพิธีดองให้ทั้งสองในสองมื่อถัดมา เวลาผ่านไป ๗ มื่อท้าวยี่ก็ขอลำลาเมียกับพ่อตา เดินทางเข้าเมืองเป็งจาลเพื่อเข้าเฝ้าเพระราชาตามประสงค์ ออกเดินทางไปบ่โดนกะฮอดเมืองเป็งจาล อำมาตย์กะให้เซาอยู่หม่องสนามชัยแล้วเข้าเฝ้ากราบทูลพระราชาให้ทราบฮู้ ซาวเมืองพากันแตกตื่นมาเบิ่งควายเผือก บัดเข้าเฝ้าพระราชา พระองค์ซื่นซมยินดีในควายเผือกโตนั้นหลาย ท้าวยี่จึงทูลขอแลกกับไก่ขาวพระองค์ พระราชาได้ให้สัญญาว่าอีก ๗ มื่อพระราชาเซาจากอาการประชวร เลายินดีสิแลกกับไก่ขาว เซ้ามา ซาวเมืองพากันประกอบพิธีสู่ขวัญพระราชาให้เซาจากอาการประชวน เวลาผ่านไป ๗ มื่อ พระราชากะเซาจากอาการประชวรอิหลี เดิกมื่อที่ ๗ – ๘ ควายเผือกกะสำแดงฤทธิ์โดยการถ่ายมูลออกมาเป็นแก้วมณี ๗ ประการ พระราชาเพิ่นพอพระทัยอย่างคัก กะเลยตกลงแลกควายเผือกกับได้ขาวให้ท้าวยี่ไป ท้าวยี่กับลุงกะได้ลาพระราชากลับบ้าน พอฮอดบ้านซาวบ้านกะบากันมาหุ่มเบิ่งไก่ขาว เสียงแตกแซวๆสาธุต่อบารมีของท้าวยี่กับความงามของไก่ขาว ยามเช้าท้าวยี่ได้ไปประกอบพิธรบูชาไก่แล้วตั้งจิตอธิฐานของให้ฝนแก้วมณี ๗ ประการตกลงทั่วเมือง ไก่ได้ขันขึ้น ๓ เทื่อ เฮ็ดให้ฝนแก้วมณีตกทั่วเมือง ชาวเมืองพากันเป็นเศรษฐีกันเบิดสุคน บ่มีคนยากคนจน จากนั้นท้าวยี่กะได้อำลาเศรษฐีและพาบัวไขกับบริวารส่วนหนึ่งไปสร้างเมืองใหม่ ออกเดินทางไปได้หลายมื่อกะไปพ้อหม่องดีที่มีแม่น้ำสายใหญ่ ป่ากว่างขวาง กะเลยหยุดประกอบพิธีอธิษฐานสร้างบ้านเมือง ไก่ขาวขันขึ้น ๓ เทื่อ พอมิดเสียงไก่กะเป็นเมืองขึ้นมาทันที

อ่านอวยมากล่าวเถิงเมืองต่างๆ เมื่อฮู้ถึงกิตติศัพท์คำซ่าของท้าวยี่ก็ยกทัพเพื่อชิงเอาเมือง ล้อมเมืองเอาไว้ ท้าวยี่จึงทำพิธีบูชาไก่อธิษฐานให้ฝนแก้วมณีตก และขอให้เจ้าเมืองต่างๆ ได้เป็นมิตรให้ความเคารพนับถือตน พระราชาทั้ง ๘๔,๐๐๐ องค์เห็นความมหัศจรรย์แบบนั้นก็ต่างชื่นชมในบารมีของท้าวยี่ ได้สวามิภักดิ์ต่อท้าวยี่ แม้แต่เมวดาก็พากันชื่นชมและยินดีนำ พระราชาเมืองต่างๆ ก็ขนสมบัตริกลับคืนเมืองของตนไป ต่อมาท้าวยี่กะได้ให้ลุงกลับไปรับป้าพ่อแม่ พี่น้องมาอยู่นำกัน แล้วปูนบำเหน็จให้ได้เป็นใหญ่เป็นโตกันถ้วนหน้า รวมไปทั่งพ่อตา แล้วให้เฮ็ดแนวกินที่แซบที่สุดให่พ่อกับอ้ายที่เพิ่ยเคยอยากกิน พระยาธรรมิก-ราช หรือท้าวยี่ บำเพ็ญทานบารมีสุมื่อบ่มีขาด รักษาศีล ๕ สุมื่อ  รักษาศีลอุโบสถในวันพระ ต่อมาบ่โดนนางบัวไขกะได้คลอดลูกผู้หนึ่ง พออายุได้ ๑๖ปี ท้าวยี่กะได้มอบเมืองให้ผู้เป็นลูกช้ายปกครองสืบมา เมื่อเพิ่นสิ้นอายุไขได้ไปเกิดเทิงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

ตัวละคร     พระยาธรรมิกราช ท้าวยี่ เป็นผู้มีความเพียรพยายาม สามารถเฮ็ดในสิ่ที่ตาปรารถนาไห้สำเร็จเสร็จได้ และเมื่อได้เป็นพระราชาแล้วก็ยังบำเพ็ญทานบารมี และบ่ละทิ้งศีล

ต้นฉบับ     พระครูสุเทพสารคุณ ได้ปริวรรตจากอักษรธรรมเป็นอักษรไทยเสร็จเมื่อปี ๒๕๔๖ เก็บไว้อยู่หอพุทธศิลป์ อยู่ที่หอพุทธศิลป์ วัดธาตุพระอาราหลวง

พุทธศาสนาและความเชื่อหรือประเพณี  คำสอนที่พ่อในวรรณกรรมเรื่องนี้คือ สอนในเรื่อง “เกิดเป็นคนควรเพียรพยายามอย่าได้หยุด กรรมมิแม่นสูตรสำเร็จ” กรรมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความเพียรพยายาม

ถัดนั้น ท้าวยี่ต้าน                      ตามแต่คำมัก

            กูก็อยากทรงนครหลวง                       นั่งปองเป็นเจ้า

            ให้มีทั้งเวียงหลวงพร้อม                       แสนวาคุงเมฆ

            ผาสารทตั้ง                                    ทรงเท่าแปดหลัง

                     ให้มีทั้งเสนาพร้อม                   พลกือแสนโกฏิ์

            มาแวดล้อม                                    แฝงเฝ้าซู่ยาม

            ให้มีทั้งเทวีพร้อม                              สาวสนมหกหมื่น

            มานั่งล้อม                                     แฝงเฝ้าซู่ยาม

                     กูจักเชยชมซ้อน                     นางงามหกหมื่น

            คำทุกข์ไฮ้                                      บ่มีฮู้เมื่อคีง แท้แหล้ว

bottom of page