top of page

นกกระจอก

เนื้อเฮื่อง

มีนกจอกสองสองผัวเมียอยู่คู่หนึ่ง ได้ขออาศัยพระฤๅษีผู้เข้าฌานแก่กล้าเฮ็ดฮังอยู่เทิงหนวดเพิ่น เพิ่นกะได้อนุญาต

 

มื่อหนึ่งพ่อนกได้ออกไปหาเหื่อมาเลี้ยงแม่นกกับลูกน้อยปกติ พ่อนกไปหากินในเกสรดอกบัว บาดสวยแดดแฮงขึ้นกลีบดอกบัวกะหุบ พ่อนกบ่ทันฮู้สึกโตกะเลยติดอบู่ในดอกบัวนั้นบ่สามรถออกมาหาลูกหาเมียได้ พอแจ้งเช้าดอกบัวกะบานออกพ่อนกจึงสามารถบินออกมาได้ บาดกลับมาได้กะเกิดการเถียงกันกับแม่นกอย่างใหญ่โตย่อนเพิ่นคิดว่าพ่อนกไปติดกับนางนกโตอื่นจนลืมลูกลืมเมีย พ่อนกอธิบายจั่งใด๋แม่นกก็บ่ยอมเชื่อ ซ้ำเพิ่นยังสาบานว่าหากเพิ่นเว่าเท็จให้เพิ่นนั้นโตใหญ่ซ่ำพระฤๅษี นางแม่นกบาดเว่าว่าเชื่อบ่ได้เพราะฤๅษีเป็นคนบาป ฤๅษีได้ยินกะสะดุ้งจากณาน ฤๅษีเพิ่นเลยถามแม่นกว่าเป็นหยังเพิ่นคือเป็นคนบาป นางนกก็ตอบว่า พระฤๅษีเป็นคนบาปเพราะฤๅษีบ่มีบุตรชายสืบสกุลได้ ตายไปตกนรก (คติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู)  พอฤๅษีได้ยินแบบนั่นเพิ่นกะได้ไล่นางนก พ่อนก และลูกนกไปอยู่หม่องอื่น เพราะเพิ่นสิเซาบำเพ็ญตะบะ โกนหนวดเคราออก เพื่อขอไปมีชีวิตครอบครัวแบบคนอื่เขา นกสองผัวเมียจึงพาลูกไปอาศัยอยู่ในป่าเลา

อยู่มามื่อหนึ่ง ไฟไหม้ป่าเลาไกล้ๆฮังนกพ่อนกแม่นกสิพาลูกบินหนีแต่กะหนีบ่ทัน เลยให้คำมั่ยสัญญาว่าเพิ่นสิตายไปพร้อมๆกัน หากพ่อนกผิดสัญญาแม่นกนางอธิษฐานว่าเกิดชาติหร้าสอบ่ยอมเว่ากับพ่อชาย บ่ว่าสิเป็นผู้ใด๋กะตาม พอไฟลามมาฮอดพ่อนกเพิ่นทนความฮ้อนบ่ไหวเฮ็ดให้บินออกไปก่อนแต่กะบินบ่พ้น ทั้งแม่นก ลูกนก พ่อนกกะตายไปในกองไฟนำกัน

ภายหลังต่อมา พ่อนกกับแม่นกต่างพากันกลับชาติมเกิดเป็นมนุษย์ นางกระจอกเกิดเป็นลูกเจ้าเมืองกาสี ชื่อว่า นางจันทะจร เลามีคิงงดงาม มาหยาดฟ้า แต่ว่าบ่ยอมเว่าจากับพ่อชายเลย ฝ่ายพ่อนกกระจอกลาวกะเกิดมาเป็นชายหนุ่มรูปงาม เป็นลูกชายของเจ้าเมืองหนึ่ง เพิ่นมีนามว่า ท้าววรกิต

บาดเพิ่นใหญ่เป็นบ่าว เพิ่นกะได้ยินกิตติศัพท์ความงามของนางจันมะจรจึงมาหา พระราชบิดาของนางจันทะจรได้ป่าวฮ้องว่าให้ผู้มีวิชาดีมารักษาโรคที่นางบ่ยอมเว่ากับผู้ชาย ถ้าชายใด๋สามารถเฮ็ดให้นางเว่านำได้สิยอมยกให้เป็นคู่ครองนำ

ท้าววรกิตได้ฮู้ข่าวพระธิดาจันทะจรและรู้ด้วยณานเมื่อปางหลังว่า พระธิดาจันทะจรคือนางนะกระจอกที่เป็นเมียของเพิ่นในชาติปางก่อน จึงไปเรียนวิชาเวทมนต์กับพระฤๅษีจนเรียนวิชาถอดดวงใจได้สำเร็จ เพิ่นกะได้เดินทางไปเมืองกาสี และอาสารักษาพระธิดาจันทะจร ท้าววรกิตกะได้เฮ็ดกลถอดดวงใจใว้กับกระจกแน่ หมอนแน่ ไปจนเครื่องใช้ต่างๆ ในห้องนอนของพระธิดา เฮ็ดให้เครื่องใช้ต่างๆเว่ากับพระธิดา โดยแกล้งตั้งคำถามแล้วกะแกล้งเฉลยผิดๆเผื่อที่จะให้พระธิดาทนบ่ได้แล้วกะบอกคำเฉลยของปริศนานั้นๆให้ถือต้อง เมื่อำมาตย์ได้ยินเสียงเว่าของพระธิดาก็ตีฆ้องเพื่อให้ฮู้ว่าพระธิดาเว่าแล้ว พระธิดาจั่งได้ฮู้ความจริงว่าท้าววรกิตคือพ่อนกที่เคยเป็นสามีของเพิ่นในอดัตชาตมาก่อน เพิ่นกะได้เรื่องราวจากหมอนที่ท้าววรกิตได้ถอดดวงใจไว้ นางกะต่อว่าว่าเป็นหยังคือได้ผิดสัญญาที่ให้ไว้

 

เจ้าเมืองกาสีกะฮู้ข่าวว่าพระธิดาเว่าได้แล้วกะดีพระทัยอย่างคัก จึงจัดงานอภิเษกให้ท้าววรกิตเป็นเจ้าเมืองแล้วกะยกพระธิดาจันทะจรเป็นพระมเหสี ทั้งสองกะครองฮักกันอย่างมีความสุข บาดบ้านเมืองสงบเรียบร้อยดี ท้าววรกิตก็สละราชสมบัติเพื่อนออกบวชบำเพ็ญบารมี

ตัวละคร     ท้าววรกิต          เป็นตัวละครที่มีบุญญาธิการ มีความสารถสูง สามารถเข้าฌานจนระลึกชาติได้ และเมื่อได้กษัตริย์ ดูแลบ้านเมืองจนสงบสุขแล้ว ก็ยอมสละราชสมบัติเพื่อออกบวชบำเพ็ญบารมี

                        นางจันทะจร     เมื่อครั้งยังเป็นนกมักจะพูดจาให้ร้ายสามี และพูดจาออกไปด้วยความไม่มีสติ

 

ต้นฉบับ     วัดเกสรเจริญผล บ้านมะค่า อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม พระอริยานุวัตร (อารีย์  เขมจารี) ไดถอดมาเป็นอักษรไทย และพิมพ์เผยแพร่ เมื่อ พ.ศ. ๒๐๑๕ พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศิริภัณฑ์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

                       นิทานท้าวนกกระจอก เรียบเรียงโดย เตชวโรภิกขุ (อินตา กวีวงศ์) น.ธ.เอก พิมพ์จำหน่ายที่ บริษัท ขอนแก่นคลังนานาธรรม จำกัด 

พุทธศาสนาและความเชื่อหรือประเพณี    นิทานเรื่องนี้ให้คติเรื่อง สัจจะ การรักษาคำพูดและความเชื่อเรื่องกรรมเก่า ที่ทำให้ตัวละครเอกทั้งสองได้มาพบกันอยู่ชาตินี้ 

เชิญน้องปากกล่าวเว้า                 พอน้อยท่อเม็ดงา แด่ถ้อน

คือดังเฮาตกกล้า                                ในนาน้ำเขิดขาด

ฝนบ่ตกราดกล้า                                 นาซิแห้งเปล่าดาย  น้องเอย

bottom of page