top of page

บัวฮม บัวฮอง บัวเฮียว

เนื้อเฮื่อง

จักกล่าวเถิงเมืองพาราณสี พระยาอริยวงศสขึ้นครองราชย์ มีมเหสีนามว่าปทุมมา มีพระโอรสสามพระองค์ชื่อว่า ท้าวบัวฮม ท้าวบัวฮอง และท้าวบัวเฮียว ทั้งสามเป็นผู้มีคิงหล่อเหลางดงามหลาย และพระราชาปกครองบ้านเมื่องอย่างมีความสุขสมบูรณ์ อยู่มามื่อหนึ่งอำมาตย์เฒ่านามว่ากะระกะเพิ่นเห็นว่าพระกุมารทั้งสามเอาแต่เล่นม่วนกันไปมื่อๆ เพิ่นย่านว่าบ้านเมื่องสิล่มจม ย่านบ่มีผู้สืบบัลลังก์ที่เข้มแข็ง เพิ่นกะเลยไปกราบทูลพระราชาให้ทรงสั่งสอนพระกุมาร ให้พระกุมารไปเฮียนศิลปวิทยา ประกุมารทั้งสามเพิ่นกะฮับปาก แต่พออยู่กันสามคนเพิ่นกะได้ปรึกษากันว่าบ่ควรไปเฮียนศึกษาศิลปวิทยา บาดเพิ่นตกลงกันแล้วเพิ่นกะพากันเล่นม่วนคือเก่าเพิ่น อำมาตย์เฒ่ากะออกไปเห็นอีกแฮ่งเคียดหนักกว่าเก่าจึงฟ่าวเข้าไปถวายพระราชา พระราชาเพิ่นกะโกรธคัก เพิ่นกะได้สั่งให้นำพระกุมารสามพระองค์ไปแห่ตีประจารอ้อมเมือง พระราชกุมารเพิ่นกะทรงเคียดน้อยใจ เลยจำใจลาพระราชบิดาและพระราชมารดาไปเสาะแสวงหาหม่องเฮียนศิลปวิทยา ภายหลังกุมารเสด็จออกจากเมืองได้ ๗ ปี เมืองพาราณาสีกะเกิดทุพภิกขภัย แห้งแล้ง ชาวเมืองบ่มีแนวกินสิกิน มีการลักเล็กขโมยน้อยทุกหม่องเฮ็ดให้เกิดความวุ่ยวายเกิดขึ้นไปทั่วเมือง บ่โดนชาวบ้านและสัตว์กะตายกันทั่วเมืองพระราชากะได้เสด็จหนีออกจากเมืองไปถึงกาลอวสานเมืองพาราณาสี

ณ บาดนั้น เหตุที่เป็นจั่งซี่ เพิ่นว่ากรรมเก่าที่พระราชาเพิ่นรับสั่งให้ตีพระราชกุมารทั้งสามโดยบ่มีความผิด ส่วนพระกุมารทั้งสาม มีกรรมเก่าคือ ในชาติก่อนเคยซื้อผ้ากับพ่อค้าผู้หนึ่งมาแล้วจ่ายเงินไปบ่ครบตามราคาที่เขาบอกสิมาจ่ายอีก ๗ มื่อให้หลัง กะบ่มาจ่าย เพราะวิบากกรรมอันนี้เลยเฮ็ดให้ถือทำโทษในครั้งนี้

จักกล่าวเถิงพระราชกุมารทั้งสามเมื่อเดินทางเข้าในป่าใหญ่ ทั้งสามกะเซาค้างแรมในป่าใหญ่เวลาผ่านไปหลายมื่อ จนเข้าไปในเขตเมืองยักษ์ที่มีนางยักษ์หม้ายอยู่โตผู้เดียว เนื่องจากสามีนางตายหนีจากได้หลายปีแล้ว พอนางยักษ์เป็นกุมารทั้งสามกะเกิดความฮักคือลูกชาย จึงได้ฮับทั้งสามคนมาเป็นลูกบุญธรรม นางยักษ์ย่านกุมารทั้งสามสิฮู้ว่าเจ้าของเป็นยักษ์กะบ่กล้าออกไปหาสัตว์กิน แล้วห้ามทั้งสามออกไปเที่ยวเล่นนอกปราสาทเพราะว่าย่านเห็นกองกระดูกสัตว์ต่างๆ นางจึงต้องอดอาหารมา ๗ เดือน จนนางซูบผอมแห้งเหี่ยวไปเบิด ขืนอดต่อไปนางคือสิตายแท้ๆ มื่อหนึ่งจึงอำลาพระกุมารทั้งสามออกไปเที่ยวป่าคนเดียว แต่ก่อนจะออกจากปราสาทกะบ่ลืมกำชับบ่ให้ทั้งสามออกไปเที่ยวเล่นโดยรอบปราสาทคือเก่า และนั่นกะแฮ่งสร้างความสงสัยให้แก่ทั้งสามที่มีมาตั้งแต่

มื่อแรกที่เข้ามาอยู่ในปราสาทแล้ว เพิ่นกะเลยพากันย่างเบิ่ง เมื่อเพิ่นเห็นกองกระดูกสัตว์ต่างๆ เป็นกองพะเนินกันอยู่กะฮู้ว่าแม่บุญธรรมของเจ้าของเพิ่นเป็นยักษ์ เพิ่นกะเลยพากันหนีออกมา ฝ่ายนางยักษ์กลับมาฮอดปราสาทเพิ่นกะบ่พ่อลูกเจ้าของ กะฮู้ว่าทั้งสามคนฮู้แล้วว่าเจ้าของเป็นยักษ์แล้วกะหนีไป ด้วยความฮักที่มีให้เด็กน้อยทั้งสามเพิ่นกะได้ออกนำหา นำไปทั้งกุมารทั้งสามอยู่กลางป่า นางกะอ้อนวอนให้กลับไปอยู่นำกันแต่ทั้งสามกะบ่กลับสุดท้ายนางกะได้จำใจปล่อยให้ทั้งสามเดินทางต่อไป นางได้ให้ทั้งสามเรียนมนต์วิเศษละมอบดาบวิเศษให้  เมื่อเรียนมนต์วิเศษเสร็จแล้วกะชี้บอกเมืองใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า เพิ่นย่านสิเป็นอันตรายและเดินทางช้า เพิ่นกะได้เสกกุมารให้กลายเป็นนกแลคำเอาเส้นไหมทองคำผูกคอทั้งสามไว้ ถ้าไผ๋แก้เส้นไหมนี้ได้กะสิกลายเป็นคนคือเก่า แล้วทั้งสองฝ่ายกะแยกจากกันเทิ่งน้ำตา  เวลาผ่านไป ๗ มื่อทั้งสามกะบินมาอยู่สวนหลวงของเมืองผาทอง ณ สวนหลวงหม่องนั้นมีชายเฒ่าเฝ้าสวนอยู่คนหนึ่ง ทุกมื่อเพิ่นกะสินำผลไม้ขึ้นไปถวายพระราชาอยู่เป็นประจำ มื่อหนึ่งชายเฒ่าเพิ่นกะเหลียวไปเห็นนกแลคำสามโต จึงนำความไปกราบทูลแด่เหนือหัวในมื่ออื่นเช้า

 

ณ เมืองผาทองแห่งนี้ พระราชาผู้ครองเมืองมีพระธิดาที่สวยงาม ชื่อว่า สุชาดา บาดนั้นพระองค์ได้รับข่าวดีจากชายเฒ่าเฝ้าสวนและได้รับสั่งให้จับนกทั้งสามโตมาถวายไห้ได้ นายพรายไปดักไว้เทิงต้นไทรที่นกทั้งสามมักมาเกาะจับกินหมากไทรสุก และจบนกโตอ้ายคือท้าวบัวทมได้ในเช้าต่อมา จนนำขึ้นไปถวายพระราชา พระราชาได้มอบรางวัลให้อย่างงาม ชาวบ้านพอฮู้ว่ามีนกแปลก

ประหลาดที่มีสีทองทั้งโตก็พากันแห่มาเบิ่งความงาม พระราชามอบให้พระธิดาสุชาดาเป็นผู้เลี้ยงนกคำแลโตนั้น  ฝ่ายนางสุชาดากลับมาห้องกะชื่นชมความงามของนกแล้วกะเห็นเส้นด้ายไหมทองคำผูกอยู่คอนกจึงแก้ออก  นกกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามมีชื่อว่าท้าวบัวฮม ทั้งสองทำความฮู้จักกันแล้วเกิดมักใคร่กัน เวลายามมื่อเวนนางสิผูกไหมใส่คอตามเดิม แต่พอตกกลางคืนนางกะจะแก้ไหมออก กะสิเป็นชายหนุ่มร่วมเคียงหมอนกับนาง เป็นอยู่แบบนี้โดยบ่มีผู้สงสัยจนเวลาผ่านไป ๔ เดือน พระนางตั้งครรภ์ได้ ๔ เดือน บ่อได้เข้าเฝ้าพระราชาเป็นเวลาหลายเดือนกะย่านเพิ่นสงสัยย่านความแตก มื่อ

หนึ่ง พระราชาบ่พ่อหน้าพระธิดาหลายเดือนกะเลยมีคำสั่งให้เข้าเฝ้า กะเฮ็ดให้ฮู้ความจริง เพิ่นเคียดหลายที่บ่มีผู้ใด๋ฮู้เหตุการณ์ มันผู้ใด๋คือมาหยามบารมีเพิ่นคักแท้ พระธิดาเพิ่นกะบ่ปริปากเว่าออกมา จั่งได้มีรับสั่งไปสืบหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ภายใน ๑ เดือน อำมาตย์เพิ่นกะกลุ้มใจหลาย นางศรีจันทราผู้เป็นลูกสาวและเป็นคนสนิทของพระธิดาก็อาสาสืบเรื่องให้จนได้ความจริง อำมาตย์จึงนำความทูนพระราชา พระราชาจึงมีรับสั่งให้พระธิดาและท้าวบัวฮมเข้าเฝ้า ก่อนเข้าเฝ้าท้าวบัวฮมได้ร่ายมนต์เฮ็ดให้พระราชาเกรงกลัวย่านเพิ่นจนยอมมอบพระธิดาและบ้านเมืองให้ครองสืบต่อมา

           

ท้าวฮมครองราชได้ ๗ เดือน จึงได้ไปอัญเชิญน้องทั้งสองที่สวนทองเข้าเมืองผาทองชาวเมืองจึงต้อนฮับแล้วเฮ็ดพิธีบายศรีสู่ขวัญให้ เมื่อเซาอยู่เมืองผาทองได้ ๒ ปี ท้าวบัวเฮียวกับท้าวบัวฮองก็อำลาท้าวบัวฮมไปเมืองเสวะกะนคร พอย่างมาฮอดกะเข้าเมืองไปเซาอยู่กับยายขอทานประจำเมือง ท้าวบัวเฮียวได้ยินว่าพระราชามีพระธิดาที่มีฮูปงามนามว่านางบัพพาวันดี เพิ่นกะมีความประสงค์อยากเห็น มื่อหนึ่งเพิ่นเลยลักออกไปพ่อผู้เดียวพอเห็นหน้านางท่อนั้นกะถูกร่ายมนต์ใส่จนกลายเป็นหิน ท้าวบัวฮองบ่เห็นอ้ายกะเลยออกนำหาไปพ่อยืนเป็นหินอยู่เลยนำแก้ววิเศษร่ายมนต์เฮ็ดให้อ้ายฟื้นขึ้นมา คลายมนต์ที่หมอมนต์เฮ็ดไว้จนเบิดสิ้น ท้าวบัวเฮียวกะได้พระนางพลัดพลาเป็น

มเหสีและได้ครองเมืองเสวะกะนครสืบมา ยายขอทานกะได้เป็นใหญ่อยู่สุขสำบาย

 

กล่าวเถิงเมืองสะรัตถานคร มีพระราชามรธรดารูปงามนางหนึ่งนามว่าศีรษะโรค์ พระนางมีโรคประจำโตที่แปลกประหลาดคือ ถ้าได้กลิ่นผู้ชายสิปวดหัวอย่างหนักพระราชาสงสารพระธิดา จึงได้มีรับสั่งให้ไปสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่เป็นที่เซาที่อยู่ของพระธิดาในดงป่าใหญ่ห่างจากเมืองเป็นระยะเวลา ๓ มื่อ ฝ่ายท้าวบัวฮองเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี จึงขออำลาอ้ายออกไปท่องเที่ยว ท้าวบัวเฮียวจึงได้มอบข้าทาสบริวารให้ไปฮับใช้ ท้าวบัวฮองท่องเที่ยวไปจนฮอดเมืองของนางศีรษะโรค์ แล้วตั้งค่ายพักแรมอยู่บ่ไกลจากเมือง พระนางศีรษะโรค์เมื่อได้ฮู้ชื่อเสียงของท้าวบัวเฮียงจากบริวารแทนที่สิปวดหัวคือเก่าโครเพิ่นกลับหาย กลับกลายเป็นมีความฮักเกิดขั้นอยากสิเห็นหน้าท้าวบัวฮอง จึงได้เขียนสาส์นส่งไปเชิญท้าวบัวฮองเข้าเมือง เมื่อเวลาผ่านไปสองเดือนพระนางศีรษะโรค์จั่งได้ส่งข่าวหาพระราชบิดาฮู้ พระราชาจึงจัดขบวนมาอัญเชิญพระธิดากลับเข้าเมืองและเฮ็ดพิธีบายศรีสู่ขวัญให้ หลังจากนั้นพระราชากะได้ประกาศรับท้าวบัวฮองเป็นลูกเขย

 

บุพกรรมของพระนางศีรษะโรค์ ชาติก่อนพระนางเกิดเป็นนางกวาง กวางบัวฮองเป็นสามีกำลังมีลูกในท้องได้แปดเดือนกะเกิดแพ้ท้องอยากกินหญ้าเดียงสามใบกับยอด จึงอ้อนวอนให้สามีไปหามาให้  กว่างสามีเสาะแสวงหาไปจนพ่อนายพราน กว่าสิเอาชีวิตรอดกลับมาได้กะตกกลางคืน นางกวางจึงเคียดว่าสามีไปติดสาวโตอื่นจึงแช่งให้สามีหัวแตกเป็น ๗ เสี่ยง  บาดเกิดเป็นคนกะเลยมีโรคปวดหัวติดมานำ เมื่อท้าวบัวฮองได้ขึ้นครองราชย์ที่เมืองสะรัถานคร ท้าวบัวฮองกะครองเมืองอย่างดีไพร่ฟ้าปรชนอยู๋ดีมีสุข

ตัวละคร     ท้าวบัวฮม   ท้าวบัวเฮียว   ท้าวบัวฮอง   ทั้งสามคนมีนิสัยคล้ายกัน คือ ฉลาดเฉลียวแต่ไม่ใฝ่ในการศึกษาหาความรู้  แต่ด้วยการที่เป็นผู้มีบุญญาธิการ  และกรรมเก่ามีไม่มาก จึงประสบพบเจอแต่เรื่องดี ๆ

 

ต้นฉบับ     พระครูสุเทพสารคุณ ได้ปริวรรตจากอักษรธรรมเป็นอักษรไทยเสร็จเมื่อปี ๒๕๔๖ เก็บไว้ที่หอพุทธศิลป์ อยู่ที่หอพุทธศิลป์ วัดธาตุพระอาราหลวง

พุทธศาสนาและความเชื่อหรือประเพณี    วรรณกรรมเรื่องนี้มีคติคำสอนทางพระพุทธศาสนาคือ สอนให้เห็นว่าคนที่ประทุษร้ายผู้ที่ไม่มีความผิด มักประสบความพินาศเอง ดังตอนที่เมืองพาราณสีล่มจม นอกจากนั้นยังสอนเรื่องของกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ดังตอนที่กล่าวถึงบุพกรรมของกุมารทั้งสามและบุพกรรมของพระนางศีรษะโรค์ และสุดท้ายสะท้อนให้เห็นคติความเชื่อและประเพณีของชาวอีสานในเรื่องการบายศรีสู่ขวัญ

                     เจ้าก็ใส่ชื่อน้อย                        นามหน่อสามชาย                  

            บิดาทั้งมารดา                                   ชื่อรือนามท้าว

            ชื่อว่าบัวฮมท้าว                                กษัตราตนพี่

            น้องแจ่มเจ้า                                     บัวเฮียวท้าวเกิดเทียม

            โฉมเสลาท้าว                                   บัวฮองโพธิราช

            เจ้าก็เกิดฮ่วมท้อง                             เทวีแก้วแม่เดียว

            อันว่าตาเคี่ยมคิ้ว                               งามเกิ่งเทพา

            โฉมบางาม                                       เกิ่งพรมภายฟ้า

bottom of page