top of page

พระภูริทัตต์

เนื้อเฮื่อง

พระเจ้าพรหมทัตกษัตริย์ผู้ปกครองเมืองพาราณสีมีพระโอรสองค์หนึ่ง ได้แต่งตั้งให้เป็นพระอุปราช ต่อมาย่านว่าพระอุปราสิแย่งราชสมบัติ เลยบอกให้ออกไปหาเที่ยวนำหม่องต่าง ๆ พร้อมกับบอกว่า “คันยามได๋พ่อตายแล้ว จั่งมาครองราชย์ต่อ” พระโอรสกะเลยได้ออกไปท่องเที่ยวตามป่าเขาลำเนาไพร ได้ไปเซาพักอยู่ศาลาริมแม่น้ำยมนา คิดว่าสิได้พักผ่อนหย่อนอารมณ์อยู่นั่น เห็นว่าเป็นหม่องดีสงบวิเวกบ่มีคนผ่านไปผ่านมา กะได้ตกลงปลงใจพักอยู่นั้น แล้วมีพญานาคโตหนึ่งจำแลงแปลงร่างเป็นมนุษย์ขึ้นมาเที่ยวนำริมน้ำได้เห็นกับกับพระโอรส เกิดปฏิพัทธ์พอใจใคร่ยินดีได้เสียกันแล้ว จนได้โอรสซื่อว่า “เจ้าสาครพรหมทัต” กับธิดาซื่อว่า “นางสมุททชา”

          หลังจากที่พระเจ้าพรหมทัตสวรรคตแล้ว หมู่เสนาอำมาตย์ข้าราชบริพารกะได้ปรึกษาหารือกันว่าสิเสี่ยงทานราชรถ ย้อนว่าบ่มีไผฮู้ว่าพระอุปราชนั้นอยู่ไส แต่ว่ามีพรานป่าผู้หนึ่งได้เดินทางไปพ่อ บอกว่าไปพักอยู่กับนางนาคหลายมื้อ พระอุปราชนั้นยังบ่ทันตาย ตัวข้าน้อยกะฮู้หม่องเพิ่นอยู่พร้อม แล้วพรานนั้นกะได้พาอำมาตย์ราชบริพารออกไปหาพระโอรสอยู่อาศรม พอแต่พระโอรสฮู้ว่าพระเจ้าพรหมทัตสวรรคตแล้วกะได้รับเชิญให้ครองราชย์ พร้อมกับชวนพระมเหสีนางนาคไปอยู่นำ แต่พระนางกะปฏิเสธ ย่านว่าไปเฮ็ดให้ชาวบ้านชาวเมืองเขาได้รับอันตราย พร้อมทั้งได้ขอเอาบุตรของพระนางกับคืนเมือเมืองนาค

   อยู่มามื้อหนึ่ง พระโอรสกับพระธิดาเล่นน้ำอยู่ในสระ เกิดย่านเต่าโตหนึ่ง พระบิดากะเลยบอกให้เอาเต่าไปปล่อยวังน้ำวนแม่น้ำยมุนา เต่าได้จมลงไปฮอดเมืองนาค พวกนาคจับเต่าได้ เต่าออกอุบายว่าเป็นทูตของพระเจ้ากรุงพาราณสี พระองค์ให้มาเข้าเฝ้าท้าวธตรฐเพื่อสิให้พระธิดาของพระองค์เป็นชายาของท้าวธตรฐ เมืองพาราณสีกับเมืองนาคสิได้เป็นดองกัน พอแต่ท้าวธตรฐได้ฟังแล้วก็มีใจยินดี สั่งให้นาค ๔ โต เป็นทูตนำเอาบรรณาการไปถวายพระราชากรุงพาราณสีพร้อมกับขอพระธิดากลับเมืองนาค พระราชาฮู้ข่าวแล้วกะแปลกใจได้บอกกับนาคทั้ง ๔ ว่า “มนุษย์กับนาคนั้นต่างเผ่าพันธุ์ชาติเชื้อ สิแต่งงานกันได้จั่งได๋” นาคทั้ง ๔ ได้ฟังแล้วกะได้นำความไปบอกกับท้าวธตรฐว่า “พระราชาพาราณสีนั้นเหยียดหยามว่านาคเป็นเผ่าพพันธุ์งูบ่ควรที่สิเป็นคู่กับพระธิดา ท้าวธตรฐได้ฟังจั่งซั่นกะสูนหลาย บอกให้นาคบริวารทั้งหลาย ขึ้นไปเมืองมนุษย์ แผ่พังพานแสดงอิทธิฤทธิ์ไปทั่วทุกหม่องให้ชาวเมืองเกรงย่าน สุดท้ายพระราชากะได้ยอมส่งพระนางสมุททชาไปเป็นชายาของท้าวธตรฐ

   พระนางสมุททชานั้นไปอยู่เมืองนาคกะบ่ได้รู้ว่าเป็นเมืองนาค ย้อนว่าท้าวธตรฐสั่งให้นาคบริวารแปลงฮูปเป็นมนุษย์ทั้งหมด นางกะอยู่ดีบ่มีฮ้อนสืบมา จนได้โอรส ๔ พระองค์ นามว่า สุทัศนะ ทัตตะ สุโภคะ กับอริฏฐะ พอแต่พระโอรสเจริญวัยใหญ่โตแล้ว ท้าวธตรฐกะได้แบ่งสมบัติให้ครอบครอง เฉพาะ ทัตตะ โอรสองค์ที่ ๒ นั้น มีผญาล้ำเลิศกว่าหมู่ เข้าเฝ้าบิดามารดาอยู่ตลอด ทั้งได้ซ่อยไขปัญหาต่าง ๆ อยู่เสมอ ๆ ขนาดปัญหาของเทวดาทัตตะกะสามารถตอบได้ เลยได้ขนานนามว่า “ภูริทัตต์” แปลว่า “ผู้มีปัญญาคือแผ่นดิน” ภูริทัตต์นั้นเคยขึ้นไปเมืองสวรรค์กับพระบิดาอยู่ตลอด เห็นว่าเป็นหม่องที่รื่นรมย์ เลยตั้งใจว่าสิฮักษาศีลอุโบสถเพื่อสิได้เกิดเทิงเทวโลก จากนั้นภูริทัตต์กะได้เริ่มฮักษาศีลอุโบสถ แต่ว่านาคทั้งหลายสร้างความรำคาญ เลยได้ขึ้นไปเทิงเมืองมนุษย์เพื่อฮักษาศีล ภูริทัตต์ได้ขดอยู่จอมโพนปลวกใกล้กับต้นไทรแคมแม่น้ำยมุนา พร้อมทั้งตั้งสัจจะอธิษฐานว่า “ผู้ได๋อยากได้หนังเอ็นกระดูกเลือดเนื้อกะสิทานให้ ขอแต่ได้ฮักษาศีลให้บริสุทธิ์กะพอ”

          ต่อมา มีพรานซื่อว่า “เนสารท” ออกหาล่าสัตว์แถวแม่น้ำยมุนาเห็นภูริทัตต์นาค ได้ถามเบิ่งจนฮู้ความว่า เป็นโอรสของนาคราช ภูริทัตต์ฮู้ว่าพรานเนสารทใจบาปหยาบช้าสิเฮ็ดภัยฮ้ายกับตนได้ ได้บอกกันพรานว่าสิพาไปเสพสุขอยู่เมืองนาค พอแต่พรานกับลูกอยู่เมืองนั้นได้บ่ดนกะเกิดคิดฮอดบ้าน ปรารภกับภูริทัตต์ว่าสิกลับไปเยี่ยมยามญาติพี่น้อง พร้อมกับสิตั้งใจฮักษาศีล ภูริทัตต์กะเลยยอมพาขึ้นไปเมืองมนุษย์คือเก่า

มามื้อหนึ่ง พราหมณ์ผู้หนึ่งเข้าไปในป่าไปพ่อกับฤาษี ได้บวชอยู่รับใช้ฤาษี จนฤาษีพอใจเลยได้สอนมนต์ให้ พราหมณ์เห็นว่าจักของมีมนต์พอเลี้ยงโตได้แล้ว ได้กราบลาฤาษีกลับไป ระหว่างทางนั้นพราหมณ์ได้สาธยายมนต์ นาคทั้งหลายพากันเล่นน้ำอยู่ คิดว่าพญาครุฑมาฟ้าวพากันกลับลงเมืองนาคจนลืม “แก้วสารพัดนึก” ไว้เทิงฝั่ง พราหมณ์เห็นดวงแก้วกะได้หยิบเอาไปนำ ระหว่างทางนั้นพอดีไปพ่อกับพรานเนสารทพร้อมกับลูกกำลังไล่ป่าล่าสัตว์ พรานเนสารทเห็นดวงแก้วนั้นแล้วกะจำได้ว่าภูริทัตต์เคยเอาให้เบิ่งตอนไปเที่ยวเมืองนาค เลยออกปากขอดวงแก้วกับพราหมณ์ มีแนวแลกเปลี่ยนคือ คันอยากฮู้เรื่องหยัง สิบอกเรื่องนั้น  ๆ ให้ฮู้ พราหมณ์บอกว่าอยากฮู้หม่องอยู่ของนาค ย้อนว่าจักของมีมนต์จับนาค พรานเนสารทเลยพาไปหม่องที่ภูริทัตต์ฮักษาศีลอยู่ ลูกชายของพรานเกิดความละอายใจที่พ่อคิดบ่ดีกับมิตรเลยหลบหนีไป

พอแต่ภูริทัตต์ฮู้กะบ่ยอมให้ความโกรธเกิดขึ้นได้ ย้อนว่าอยากสิฮักษาศีล พราหมณ์อาลัมพายน์ได้พาภูริทัตต์นาคไปแสดงกลเรี่ยไรเงินได้หลาย

   พระนางสมุททชาเกิดผันบ่ดี บ่เห็นภูริทัตต์มาเฝ้าคือเก่า เลยแน่ใจว่าเกิดเหตุฮ้ายกับพระโอรส  โอรสทั้งสามอาสาสิออกนำหา สุทัศนะแปลงร่างเป็นฤาษี นำไปจนพ่อพราหมณ์อาลัมพายน์กำลังเปิดแสดงอยู่หน้าราชวังพาราณสี พญานาคภูริทัตต์เห็นฤาษีแปลงกะฮู้ว่าเป็นอ้ายสุทัศนะ เลื้อยมาหมอบอยู่กับเท้าทั้งฮ้องไห้  ฤาษีแปลงวางแผนซ่อย ท้าให้พราหมณ์สู้กับพิษของเขียดซึงเป็นร่างแปลงของนางนาค พิษได้เข้าไปในร่างของพราหมณ์ เฮ็ดให้พราหมณ์เป็นโรคเรื้อน พราหมณ์ย่านแล้วกะได้ปล่อยภูริทัตต์นาค สุทัศนะพร้อมกับภูริทัตต์ได้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าพาราณสี บอกให้ฮู้ว่าเป็นลูกของพระนางสมุททชาน้องสาวของพระองค์ ภูริทัตต์กลับไปฮักษาโต แล้วได้บอกว่าพราหมณ์กับผู้ครองเรือนปุถุชนคนทั่วไปยังหมกอยู่กับกามคุณ อยากได้ทรัพย์สิน เงินคำกำแก้ว ข้าวปลาอาหาร บ่าวไพร่คือกัน

ตัวละคร  พระภูริทัตต์ ผู้ตั้งใจรักษาอุโบสถศีล เพื่อจะได้ไปเกิดในเทวโลก

 

ต้นฉบับ   หนังสือ บารมีสิบชาติชาดก ของ พินิจ หุตะจินดา

พุทธศาสนาและความเชื่อหรือประเพณี ชาดกเรื่องนี้ให้คติว่า การกระทำความดีมักมีอุปสรรคมาก กว่าจะบรรลุผลหรือประสบผลสำเร็จได้ ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างสูง ในเรื่องนี้ พระภูริทัตโพธิสัตว์ทรงใช้การรักษาศีล

พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพระภูริทัตต์   ทรงบำเพ็ญศีลบารมี

ศีลบารมี คือ การบำเพ็ญศีลอย่างเคร่งครัด ใกล้บรรลุเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ในการบำเพ็ญบารมีนั้น แบ่งเป็นสามระดับคือ บารมี เป็นการบำเพ็ญขั้นต้น อุปบารมี เป็นดารบำเพ็ญบารมีที่เพิ่มขึ้นจากขั้นต้น         และปรมัตถบารมี เป็นการบำเพ็ญบารมีขั้นสูงสุดจนกระทั่งบรรลุมรรคผลนิพพาน

bottom of page