พระพรหมนารท
เนื้อเฮื่อง
ปางนั้น พระพุทธเจ้าปรารภเรื่องการทรมานชฎิลสามมพี่น้อง คือ อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ กับคยากัสสปะ ให้เซาพยศออกบวชเป็นเอหิภิกขุในพพุทธศาสนา พร้อมกับยริวารสองหมื่นคน ครั้งนั้น พระเจ้าพิมพิสารพร้อมกับพราหมณ์คหบดี ๒๐,๐๐๐ คน ไปยังสำนักของพระพุทธเจ้า มื้อนั้น พราหมณ์ คหบดี ต่างกะพากันคิดโจษขานเรื่องอุรุเวลกัสสปะสิประพฤติพรหมจรรย์อยู่สำนักของพระศาสดา หรือว่าพระศาสดาสิอยู่ในสำนักของอุรุเวลกัสสปะ แล้วอุรุเวลกัสสปะกะได้แสดงให้คนทั้งหลายเห็นว่า ตนได้ยอมเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าแล้ว โดยการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์เหาะขึ้นไปเทิงอากาศ แล้วกะกลับลงมากราบพระพุทธองค์อยู่ ๗ คำรบ พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า แต่ปางก่อนพุ้นพระองค์กะเคยได้เฮ็ดให้อุรุเวลกัสสปะเซาพยศ ยอมรับในพระองค์มาแล้ว ภิกษุทั้งหลายได้พากันอาราธนาใหพระองค์แสดงอดีตนิทาน พระองค์จั่งได้ยกเรื่องพระพรหมนารทมาแสดง
เมืองมิถิลามีพระเจ้าอังคติราชผู้ทรงทศพิธราชธรรมเป็นผู้ปกครอง พระองค์มีพระธิดาพระองค์เดียว นามว่า “รุจา” แล้วกะมีอำมาตย์ฮู้ใจอยู่ ๓ คน ซื่อว่า วิชัยอำมาตย์ สุนามอำมาตย์ แล้วกะอลาตอำมาตย์ มื้อหนึ่ง คืนเพ็งเดือนสิบสอง พระจันทร์แจ้งสว่าง พระองค์ได้ปรึกษากับอำมาตย์ทั้งสามว่าสิเฮ็ดหยังที่เกิดประโยชน์ดี อลาตอำมาตย์บอกให้ยกทัพไปตีเอาเมือง สุนามอำมาตย์บอกให้จัดงานเลี้ยง ส่วนวิชัยอำมาตย์นั้นบอกว่าให้ไปสนทนาธรรมกับสมณพราหมณ์ พระเจ้าอังคติราชตกลงไปสนทนาธรรมกับคุณาชีวก นักบวชมีชื่อเสียงผู้คนนับหน้าถือตาหลายในสมัยนั้น
พระองค์ได้เข้าหาสนทนาธรรมกับคุณาชีวก ได้ถามเกี่ยวกับทางไปสวรรค์ ทางไปนรก การปฏิบัติกับบิดามารดา ครู อาจารย์ บุตรภรรยา ผู้เฒ่าผู้แก่ สมณพราหมณ์ พลพาหนะ บ้านเมือง คุณาชีวกกะได้ตอบไปตามความฮู้ความเข้าใจของจักของว่า บุญบ่มี บาปบ่มี บิดามารดาบ่มี สัตว์คนท่อกัน เฮ็ดดีสิได้ดี เฮ็ดซั่วสิได้ซั่วเอง เวียนว่ายตายเกิด ๖๔ กัปกะสิบริสุทธิ์เอง อลาตอำมาตย์เห็นนำว่าบาปบ่มี ผลของบาปบ่มี เขาระลึกชาติได้ว่าชาติที่แล้วเขาเป็นคนฆ่างัว แต่ชาตนี้ได้มาเกิดเป็นในตระกูลขุนนางวีรกะ คนไฮ้ผ้หนึ่งเห็นนำว่าบุญบ่มี ผลของบุญบ่มี เขาระลึกชาติได้ว่า เคยเกิดเป็นเศรษฐี เฮ็ดความดีไว้หลาย แต่ชาตนี้ได้มาเกิดเป็นคนไฮ้ ทั้งสองคนนี้ระลึกชาติได้ชาติเดียวกะเลยหลงผิด พระเจ้าอังคตราชหลงผิดเชื่อคำสอนคุณาชีวก เปลี่ยนจริยาวัตร เซาสร้างคุณงามความดี ใช้ชีวิตสุขสบาย บ่ศึกษาธรรมะ บ่สนใจราชกิจ บ่สนใจชาวเมือง พระธิดาได้ฮู้เรื่องเข้าไปหาพระเจ้าอังคติราช ติเตียนในมิจฉาทิฐินั้น พระธิดาสิเว้าสู่ฟังจั่งได๋กะตามแต่ พระเจ้าอังคติราชกบ่ฟัง พระธิดาได้อ้อนวอนพระพรหมเจ้าผู้มีธรรมทั้งหลายลงมาซ่อยแก้มิจฉาทิฐิของพระเจ้างอังคติราชได้คืนดีคือเก่า
ท้าวมหาพรหมองค์หนึ่งนามว่า นารทะ ได้ยินคำอ้อนวอนเกิดความเมตตา ได้แปลงโตเป็นฤาษีลอยเหาะมาอยู่ต่อหน้าของทั้งสองพระองค์ พระพรหมนารทได้พรรณนาให้เห็นนรกขุมนั้นขุมนี่ จนพระเจ้าอังคติราชเกิดสัมมาทิฐิ เห็นต้องตามธรรมคือเก่า พระธิดาดีใจหลาย สุดท้ายเมืองมิถิลากะเกิดความสุขสงบคือเก่า
ตัวละคร พระพรหมนารท บำเพ็ญอุเบกขาบารมี คือผู้ที่หนักแน่นในสติอยู่เสมอ มีความเที่ยงธรรมไม่เอนเอียงต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ต้นฉบับ หนังสือ บารมีสิบชาติชาดก ของ พินิจ หุตะจินดา
พุทธศาสนาและความเชื่อหรือประเพณี ไม่ควรคบพาล เพราะจะพาตนไปทำผิดทำชั่ว ควรคบแต่นักปราชญ์ราชบัณฑิต ที่เป็นตนที่มีศีลธรรม ซึ่งจะชักนำให้ทำความดีถูกต้องอันจะทำให้ตนเจริญรุ่งเรือง
พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพระพรหมนารท ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมี
อุเบกขาบารมี คือ การวางเฉยต่อความสุข ความทุกข์ที่เกิดขึ้น สามารถใช้สติปัญญาควบคุม มีจิตใจแน่วแน่มั่นคง ไม่เอนเอียงด้วยความยินดียินร้าย หรือด้วยจิตใจที่ชอบหรือชัง แม้เผชิญกับความตายก็มีจิตนิ่งสงบได้