top of page

พระเวสสันดร

เนื้อเฮื่อง

   บั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เทศนาพระธัมมจักกัปวัตตนสูตรแก่หมู่ปัจจวัคคีย์แล้ว เลยเสด็จไปกรุงราชคฤห์ ประทับอยู่ ณ เวฬุวนาฮาม อาฮามป่าไผ่ พระพุทธองค์เลยมีพระประสงค์สิไปโปรดพระประยูรญาติ อยู่กรุงกบิลพัสดุ์ พระพุทธองค์เลยได้พาหมู่สงฆ์สาวกสองหมื่นองค์เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ เข้าประทับอยู่ ณ นิโครธาฮาม กรุงกบิลพัสดุ์ของพวกศากยวงศ์

 

   พอเถิงเวลาแสดงธรรม พระองค์เล็งเห็นว่าเหล่าพระประยูรญาติทั้งหลายบ่มีใจเลื่อมใส ศรัทธาในพระพุทธองค์เพราะหยิ่งทะนงว่าเจ้าของเกิดก่อน ว่าพระพุทธองค์เจ้าเป็นเด็กน้อยเกิดใหม่ เป็นลูกเป็นหลานเถิงแม้สิไปบวชแล้วกะตามแต่        บางพ่องกะว่าจะของนั้นยศถาบรรดาศักดิ์สูง เลยบ่ยอมขาบไหว้พระองค์ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเห็นจั่วซั่นแล้วกะเลยทราบว่าพระประยูรญาติทั้งหลายเห็นผิดเป็นชอบ มีทิฐิมานะหลาย เลยแสดงปาฏิหาริย์เสด็จขึ้นเหนือนภาอากาศ เปล่งพระฉัพพรรณรังสี พอแต่พระประยูรญาติเห็น เลยอ่อนข้อขอยอมขาบไหว้เลื่อมใสศรัทธา แล้วแลในซ่วงนั้นด้วยพุทธบารมี ฝนสีแดงนามว่า โบกขรพรรษ เลยขจัดตกลงมาในขวงเขต ทุกประเทศที่ศาลา แม่นว่าไผอยากให้เปียกจั่งสิเปียก ไผบ่อยากเปียกกะบ่เปียก เหล่าพระประยูรญาติ ตลอดเถิงซาวบ้านซาวนิคมซาวเมือง แลเหล่าสงฆ์ทั้งหลายเห็นแจ้งจั่งซั่นต่างอัศจรรย์ใจเป็นที่สุด ดังนั้นแล้วพระพุทธองค์เลยตรัสเว้าว่า ฝนโบกขรพรรษอันขจัดตกลงมานี้เคยตกมาแล้วเทื่อหนึ่งแต่สมัยเฮาตถาคตยังพระซาดเป็นผะเหวดสันดร  บัดทีนี้ พระพุทธองค์เจ้าเลยตรัสเว้าเรื่องผะเหวดสันดรสู่ฟัง

 

   ยังมีเทพธิดาตนหนึ่งออกซื่อว่า ผุสดี เป็นอัครเอกมเหสีขององค์อินทาธิราชเจ้า สิเบิดอายุขัยจุติมายังมนุษยโลก อินทาทิราชจอมเทวดา กะเลยให้พรแก่นางแก้วผุสดีมา 10 ข้อ เป็นต้นว่า ให้ได้นามผุสดีดังเก่า ให้ผมเงางามเหลื่อม ให้ได้ลูกผู้มีเกียรติยศ ให้มีอำนาจปลดปล่อยนักโทษทั้งหลาย เป็นต้น พอมาเกิดอยู่เมืองมนุษย์นางได้นามว่าผุสดีดังเก่า ได้อภิเษกสมฮดกับพระเจ้าสญซัยแห่งแคว้นสีพี ได้ลูกซายผัดไปคลอดออกอยู่เลาะทางของพ่อค้า เลยออกซื่อว่า เวสสันดร แปลได้ควมว่า ผู้เกิดเลาะทางพ่อค้า  คือเป็นผู้บ่เข้าข้างพ่อฮือแม่แต่ประการใด พอแต่พระเวสสันดรอายุได้ 16 พรรษา พระเจ้าสญซัยผู้พ่อเลยให้ครองราชย์กรุงสีพี อยู่มาบ่นานดนเลยได้อภิเษกกับพระนางมะที (มัทรี) เจ้าญิงงามเมืองมัททะ ได้โอรสนำกันผู้หนึ่ง ออกซื่อว่าซาลี  กับธิดาหนึ่งน้อย ออกซื่อว่า กัณหา พระเวสสันดรเป็นผู้มีจิตใจใฝ่ทานเลยตั้งโฮงทานหอแจก 6 หม่อง ทานข้าวน้ำซ่ามปลา ตลอดจนทานเงิน คำ ก่ำ แก้ว แก่ซาวบ้านซาวเมืองทั่วหน้าสุคน ต่อมาซาวเมืองกลิงคะ มาขอทานซ้างปัจจัยนาค อันเป็นว้างคู่บ้านคู่เมืองกลิงคะ ย้อนว่าเมืองกลิงคะนั้นฝนฟ้าบ่ตกต้อง แฮ้งเหลือหลาย ผัดว่าได้ซ้างนี้ไปฝนฟ้าคือสิตกทั่วบ้านทั่วเมือง พระเวสสันดรกะเลยยกให้ ซาวเมืองสีพีเกิดบ่พอใจเคียดแค้นไปทูลเว้าสู่พระเจ้าสญชัยฟัง พระเวสสันดรกะเลยถืกเนรเทศหนีจากเมืองออกไป พร้อมพระนางมะทีกับลูกแก้วทั้งสอง เลยพากันบวชถือเพศเป็นฤาษีหนีไปอยู่เขาวงกต

 

   กล่าวเถิงเมืองกะลิงคะนั้น มีพราหมโณเฒ่า ออกซื่อว่า ซูซก มีเมียงามซื่อว่านางอมิตตา มื้อหนึ่งนางอมิตตาเกิดค้านเวียกบ้านเฮือนซาน เลยหาอุบายให้ซูซกไปของกัณหาซาลีมาเป็นคนใซ้ ย้อนฮู้มาว่าพระเวสสันดรนั้นมักแจกมักทาน ซูซก  พราหมโณเฒ่านั้นกะเลยออกไปเขาวงกต ตามคำเมียบอก พอไปฮอดตีนเขาเลยพ้อกับพรานเจตบุตร ผู้ที่พระเจ้าเจตราชสั่งให้อาฮักขาดูแลพระเวส ซูซกเลยตั๋วว่าพระเจ้าสญซัยแห่งเมืองสีพีให้มานำพระเวสสันดรกับทั้งเมียแก้วและลูกหล้าสองน้อย เมือบ้านเมือง พรานเจตบุตรหลงกลกะเลยให้เข้าไป ไปพ้อกับอัจจุตฤาษี เลยตั๋วไปอีกว่าสิมาเว้าจาธรรมะนำพระเวสสันดร ซูซกเลยผ่านไป พอไปฮอดเลยถ่าให้ฮอดยามนางมะทีออกไปหาผลาหมากไม้ในป่าดงดอน พอฮอดยามนั้นซูซกเลยไปขอสองหล่ากุมารกุมารีองค์น้อยนำพระเวสสันดรผู้เป็นพ่อ พระเวสสันดรกะยอมยกให้ เทิงคาดค่าโตไว้นำ ซูซกฟ้าวพากัณหาและซาลีออกเดินทากลับก่อนนางมะทีสิมาพ้อ ท้าวสักกะเทวราชย้านว่าสิมีผู้มาขอนางมะทีไปเลยแปลงกายลงมาเป็นพราหมณ์ มาขอนางมะที แล้วกะยกนางมะทีให้คืนแก่พระเวสสันดร พร้อมเทิงให้พร 8 ข้อ แล้วจั่งคืนเมือสวรรค์ซั้นดาวดึงสา 

 

   ซูซก พากัณหาซาลีเดินทางไปพ้อทางสองแพร่ง เทวดาอาฮักษ์เลยดลใจให้ซูซกหย่างไปทางเมืองเซตุดร(สีพี) พอแต่มาฮอดเขตเมืองสีพี พระเจ้าสญชัยเห็นหลานน้อยเทิงสองจื่อได้เลยขอไถ่โตจากซูซก พระองค์เลยให้เสนาข้าอำมาตย์ แต่งขบวนซ้าง ม้า รถ คนหย่างมากมายหลายหลากกว่า 12 อักโขเภณี (มากเกินจะนับได้ คือ 1042) ไปเซิญเอาพระเวสสันดรอยู่เขาวงกตคืนมาเมือง พอแต่กษัตริย์ทั้ง 6 พบพ้อกัน ดีใจหลายกะเลยสลบไป บัดทีนี้ฝนโบกขรพรรษเลยขจัดตกลงมาถือกายาเหล่ากษัตริย์เลยฟื้นคืน พอได้สติแล้วเลยพากันเสด็จเมือเมืองสีพี อยู่เย็นเป็นสุขคืนเก่า จนว่าพระเวสสันดรและนางมะทีอายุได้ฮ้อยซาวปี จั่งสิ้นพระซนม์ไป

ตัวละคร  พระเวสสันดร  ผู้บำเพ็ญบุญบารมีคือการให้ทาน ซึ่งเป็นการบำเพ็ญบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

 

ต้นฉบับ   มหาชาติที่พบอยู่ในภาคอีสานนั้นมีหลายสำนวน หลายฉบับ แต่ละวัดในแต่ละจังหวัดต่างก็ใช้ฉบับของท้องถิ่นและคัดลอกสืบต่อมา  (เพราะเป็นวรรณกรรมที่ใช้ในพิธีกรรม เรียกว่า “บุญพระเวสส์” หรือ “บุญเผวด”) การคัดลอกนี้อาจจะมีการเพิ่มเติมเสริมแต่งบ้าง หรือย่อให้สั้นเอาเฉพาะใจความสำคัญบ้าง หรือพระภิกษุบางรูปอาจจะแต่งขึ้นมาเป็นสำนวนใหม่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ต้นฉบับเดิมของมหาชาติอีสานน่าจะได้รับอิทธิพลมาหาชาติฉบับล้านช้าง เพราะเหตุว่าชวาอีสานส่วนใหญ่ได้รับวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขงมาโดยตลอด และพิธีกรรมบุญพระเวสส์ของอีสานนั้น มีลักษณะเช่นเดียวกันกับพิธีกรรมของอาณาจักรล้านช้างโบราณ ฉะนั้น ต้นฉบับเดิมเรื่องมหาชาติ (ของล้านช้าง) จึงมีการนำมาใช้เทศน์ในภาคอีสาน  และภายหลังได้มีการปรับปรุงบ้างดังกล่าว

พุทธศาสนาและความเชื่อหรือประเพณี ชาดกเรื่องนี้ให้คติว่า การให้ทานเป็นบารมีอย่างยิ่ง มีอานิสงค์ให้พ้นภัยพิบัติ และให้ได้ในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ

พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร   ทรงบำเพ็ญทานบารมี

ทานบารมี เป็นบารมีที่มีจิตใจพร้อมจะให้ทาน สละทรัพย์ภายนอกทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน สิ่งของ สัตว์ ๒ เท้า ๔ เท้า และไม่มีเท้า หรือแม้กระทั่งสละชีวิต

bottom of page