top of page

ท่านเจ้าประคุณปู่จันทร์ เขมิโย

(พระเทพสิทธาจารย์)

วัดศรีเทพประดิษฐาราม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม

ประวัติ

ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์มีนามเดิมว่า จันทร์  สุวรรณมาโจ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๒๔ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑ (เดือนอ้าย) ปีมะเส็ง เป็นบุตรคนที่ ๓ (ในจำนวน ๖ คน) ของ นายวงศ์ เสนา และนางไข สุวรรณมาโจ มีอาชีพทำนาทำไร่ ชาติภูมิอยู่บ้านท่าอุเทน หมู่ ๓ ตำบลท่าอุเทน จังหวัดนครพนม

 
     ในวัยเยาว์ เด็กชายจันทร์  สุวรรณมาโจ มีสุขภาพไม่ค่อยจะแข็งแรง เพราะป่วยเป็นโรคหืดครั้นเจริญวัยใหญ่โตขึ้นมาโรคนี้ก็หายขาดไป จนกระทั่งท่านมีอายุได้ ๖๐ ปี โรคนี้ก็กลับกำเริบขึ้นมาอีก พ.ศ. ๒๔๓๑ เด็กชายจันทร์ ได้เรียนหนังสืออักษรไทยน้อย หัดเขียนหัดอ่านจากหนังสือผูกโบราณ วรรณคดีพื้นบ้านซึ่งประชาชนในสมัยนั้นนิยมอ่านกันมาก


ด้วยเหตุนี้พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณหลวงปู่พระเทพสิทธาจารย์เป็นพระเถระผู้ใหญ่มีอายุพรรษาสูง เปี่ยมล้นด้วยประสบการณ์ ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมมีพรหมวิหารธรรมเป็นที่ตั้ง กิริยามารยาทนุ่มนวล มีวาจาไพเราะ เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ท่านจึงเป็นที่เคารพสักการบูชา ของพระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ทั่วไป ผู้ที่เคารพนับถือท่านเจ้าคุณหลวงปู่มากก็มี สมเด็จพระสังฆราชฯ (จวน อุฏฺฐายี) วัดมกุฏกษัตริยาราม ซึ่งมักไปมาหาสู่ท่านเสมอ อีกรูปหนึ่งที่เคารพรักหลวงปู่มากถึงกับฝากตัวเป็นลูก คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหารองค์ปัจจุบันสมเด็จพระสังฆราชฯ วัดบวรฯ มักจะเรียกหลวงปู่เจ้าคุณว่า “หลวงพ่อ” และหลวงปู่เจ้าคุณก็เรียกสมเด็จพระสังฆราชสมัยเป็นเจ้าคุณว่า “เจ้าคุณลูก”


     หลวงปู่เจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์ นับว่าเป็นพระสุปฏิปันโน ชั้นเยี่ยมองค์หนึ่ง ท่านได้ประพฤติดีปฏิบัติชอบเรื่อยมาเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยปริยัติและปฏิบัติ กาลเวลาผ่านไป วัยสังขารและรูปกายของหลวงปู่ก็เป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ย่อมแตกดับสลายไปในที่สุด ดุจผลไม้สุกงอมเต็มที่ ย่อมร่วงหล่นหลุดจากขั้วฉะนั้นสุดวิสัยที่แพทย์จะช่วยไว้ได้ท่านถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชรา ในวันศุกร์ ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๖ สิริรวมอายุได้ ๙๒ ปี พรรษา ๗๒ ศพของหลวงปู่เจ้าคุณได้เก็บรักษาไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาและบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเรื่อยมา จนถึงวันเสาร์ ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพของท่าน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพ ทางฝ่ายคณะสงฆ์ก็มีสมเด็จพระสังฆราชพร้อมด้วยพระเถรานุเถระ และคณาจารย์ทั่วประเทศได้ไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่เหลือคณารับ

โอวาทธรรม  

 พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์ เป็นพระสงฆ์ที่แสดงธรรมได้จับใจไพเราะ มีโวหาร  ปฎิภาณดี ธรรมโอวาทของท่านที่พร่ำสอนพระภิกษุสามเณรและญาติโยมอยู่เสมอคือเรื่อง “การเตรียมตัวเตรียมใจ” ซึ่งมีใจความดังนี้


     “เราเกิดมาในชาติหนึ่ง ๆ อย่าปล่อยให้ร่างกายของเราเหมือนเรือไหลล่อง ผู้เป็นเจ้าของต้องเตรียมตัวระมัดระวังหางเสือของเรือไวให้ดี ผู้ใดเผลอผู้ใดประมาท ผู้นั้นมอบกายของตนให้เป็นเรือไหลล่องไปตามกระแสน้ำ ผู้นั้นเรียกว่า โง่น่าเกลียดน่าชัง เป็นยาพิษ เรือที่เรานั่งไปนั้นหากมันล่มลงในน้ำ จระเข้ก็จะไล่กิน กระโดดขึ้นมาบนดิน ฝูงแตนก็ไล่ต่อย คนเราเกิดมามีกิเลส เรียกว่า กิเลสวัฏฏะ เป็นเชือกผูกมัดคอ ผู้มีกิเลสต้องทำกรรม เรียกว่า กรรมวัฏฏะ ซึ่งก็เป็นเชือกมัดคออีกเส้นหนึ่ง ผู้ที่ทำกรรมไว้ย่อมจะได้เสวยผลของการกระทำ เรียกว่า วิปากวัฏฏะ เป็นเชือกเส้นที่สามมัดคอไว้ในเรือนจำ


     เราทุกคนต้องสร้างสมอบรมปัญญา ซึ่งสามารถทำลายเรือนจำให้แตก ผู้ใดทำลายเรือนจำไม่ได้ ผู้นั้นก็จะเกิด แก่ เจ็บ ตาย เวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะนี้เรื่อยไป เพราะฉะนั้นเราทุกคนจะต้องเตรียมตัวเป็นนักกีฬา ต่อสู้ทำลายเรือนจำให้มันแตก อย่าให้มันขังเราไว้ต่อไป…คนเราจะไปสวรรค์ก็ได้ ไปนิพพานก็ได้ ไปสู่อบายภูมิก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ต้องดำเนินชีวิตในทางที่ดีที่งาม อยากดีต้องทำดีเป็น อยากได้ต้องทำได้เป็น อยากดีต้องละเว้นทางเสื่อมตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ นินทาสีลี อย่าพากันนอนตื่นสาย สภาสีลี ผู้ใดอยากดี อย่าพากันพูดเล่น อนุฏฐาตา ผู้ใดอยากดี ให้พากันขยันหมั่นเพียร อลโส ผู้ใดอยากดี อย่าเป็นคนเกียจคร้าน ผู้ใดอวดเก่ง ผู้นั้นเป็นคนขี้ขลาด ผู้ใดอวดฉลาด ผู้นั้นเป็นคนโง่ ผู้ใดคุยโว ผู้นั้นเป็นคนไม่เอาถ่าน อยากเป็นคนดีต้องทำดีถูก เรียนหนังสือเพื่อรู้ ดูหนังสือเพื่อจำ ทำอะไรต้องหวังผลเกิดมาเป็นคนต้องมีความคิด อุบายเครื่องพ้นทุกข์ไม่ใช่อยู่ที่อื่นไกล หากแต่อยู่ที่มีสติสัมปชัญญะรอบคอบในทุกอิริยาบถ…”

ท่านเจ้าประคุณปู่จันทร์  เขมิโย(พระเทพสิ
bottom of page