top of page

หลวงปู่จูม  พนธุโล

(พระธรรมเจดีย์)

วัดโพธิสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

ประวัติ

ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ มีนามเดิมว่า จูม จันทร์วงศ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เมษายน พ. ศ. ๒๔๓๑ ตรงกับวันขึ้น ๖ ค่ำเดือน ๖ ปีชวด สัมฤทธิศก จุลศักราช ๒๔๕๐ เป็นบุตรคนที่ ๓ (ในจำนวน 8 คน) ของนายคำสิงห์และนางเขียว จันทร์วงศ์ มีอาชีพทำไร่ ชาติภูมิอยู่บ้านท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม


เด็กชายจูม จันทร์วงษ์ เป็นผู้มีอุปนิสัยดี สนใจในการทำบุญทำกุศลตั้งแต่เป็นเด็กชอบติดตามบิดามารดา หรือคุณตาคุณยายไปวัด ได้มีโอกาสพบเห็นพระสงฆ์เป็นประจำเมื่ออายุครบเกณฑ์เข้าเรียนหนังสือ ก็ไปเข้าโรงเรียนวัดศรีเทพประดิษฐาราม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม จนจบหลักสูตรประถมศึกษาบริบูรณ์ในสมัยนั้น


พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์เป็นพระมหาเถระผู้มีบุญบารมีมากรูปหนึ่งมีคุณธรรมสูงมีวัดปฏิปทาอันงดงาม ซึ่งพอที่จะนำมากล่าวได้ดังนี้ ๑. ธีโร เป็นนัดปราชญ์ ๒. ปญโญ มีปัญญาเฉียบแหลม ๓. พหุสสุโต เป็นผู้คงแก่เรียน ๔. โธรยุโห เป็นผู้เอาจริงเอาจังกับธุระทาวพุทธศาสนา คือ คันถธุระและวิปัสนาธุระ ๕. สีลวา เป็นผู้มีศีลวัตรอันดีงาม ๖. วตวนุโต เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งธุดงควัตร ๗. อริโย เป็นผู้ห่างไกลจากความชั่ว ๘. สุเมโธ เป็นผู้มีปัญญาดี ๙. ตาทิโส เป็นผู้มั่นคงในพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๐. สปปุริโส เป็นผู้มีกาย วาจา และใจอันสงบเยือกเย็น เป็นสัตบุรุษ พุทธสาวก ผู้ควรแก่การกราบไหว้ บูชาโดยแท้ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนธุโล) เริ่มอาพาธมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๕ จนถึงเดือน มีนาคม พ.ศ ๒๕๐๕ คณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราชได้ถวายการรักษาโดยการผ่าตัดก้อนนิ่วออก รักษาจนหายเป็นปกติแล้วเดินทางกลับวัดโพธิสมภรณ์อุดรธานี ต่อมาปลายเดือนพฤษภาคมพ.ศ ๒๕๐๕ ท่านเริ่มอาพาธอีกคณะแพทย์ซึ่งมีศาสตราจารย์นพ. อวย เกตุสิงห์ เป็นประธานได้นิมนต์ท่านเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชท่านเดินทางเข้ากรุงเทพ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๐๕ โดยมีพระอาจารย์มหาบัว ญาณสมปนโน ร่วมเดินทางด้วย ศาสตราจารย์นายแพทย์อวย เกตุสิงห์ ได้ถวายการรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดีมีก้อนนิ่ว ๑๑ เม็ดอาการดีขึ้นเพียง ๓ วัน ต่อจากนั้นอาการก็สุดลงต้องให้ออกซิเจนและน้ำเกลือวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๐๕ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ก็ถูกเวทนาอันแรงกล้าครอบงำ แต่ท่านก้อม มิได้แสดงอาการใด ๆ ให้ปรากฏจนกระทั่งวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๐๕ พระธรรมเจดีย์ก็ถึงแก่กรรมมรณภาพด้วยอาการสงบเมื่อเวลา ๑๕.๒๗ น. ณ โรงพยาบาลศิริราชท่านได้ละสังขารอันไม่มีแกนสารนี้ไปสิริรวมอายุได้ ๗๕ ปี ๒ เดือน ๑๕ วัน พรรษา ๕๕

โอวาทธรรม  

พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนธุโล) ได้แสดงความจริงในอารมณ์จิตของท่านและหาวิธีระงับดับอารมณ์นั้นโดยไม่ให้หลงใหลไปกับโลกธรรม อุบายนั้นท่านได้แสดงไว้ว่า "จิตเป็นธรรมชาติที่กวัดแกว่งดิ้นรน กระสับกระส่าย แส่ไปตามอารมณ์ที่ใคร่ พอใจเบญจกามคุณ ถึงแล้วนั้นก็ได้มี ทมะ คือความข่มจิตไว้ ไม่ให้ยินดียินร้ายไปตามอารมณ์ พร้อมทั้งมีสติประคับประคองยกย่องจิตตามอนุรูปสมัยนับว่าได้ผล คือจิตสงบระงับจากนอวรณูปกิเลสเป็นการชั่วคราวบ้าง เป็นระยะยาวนานบ้างแต่ในบางโอกาสก็ควบคุมได้ยาก  ซึ่งเป็นของธรรมดาสำหรับปุถุชน  ต่อจากนั้นก็ได้บากบั่นทำจิตของตนให้รู้เท่าทันสภาวะธรรมนั้นนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตื่นเต้นไปกลับโลกธรรม แต่ว่าระงับได้ในบางขณะเช่น ความรัก ความชัง อันเป็นปฏิปักขธรรมเป็นต้น เหล่านี้ยังปรากฏมีในตนเสมอถึงกระนั้นก็ยังมีปรีชาทราบอยู่เป็นนิตย์ว่า เป็นโลกิยธรรมนำสัตว์ให้ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงได้ฝึกหัดดัดนิสัยพยายามถอดตนออกจากโลกียธรรม ตามความสามารถ รู้สึกว่าสบายกายสบายใจอันแท้จริงธรรมนี้เกิดจากข้อวัตรปฏิบัติในการละ พอใจยินดีอย่างยิ่งในความสงบ" และอีกครั้งหนึ่งท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ได้รับนิมนต์ให้ไปเทศน์โดยมีพระเถระผู้ใหญ่รูปหนึ่งติดตามไปด้วยคือพระอาจารย์มหาบัว ญาณสมปนโน แข่งวัดป่าบ้านตาดจังหวัดอุดรธานีวันนั้นท่านได้แสดงธรรมไว้อย่างแยบคาย พอที่จะหยิบยกเอาใจความสำคัญมากล่าวไว้ในที่นี้ดังต่อไปนี้ จิตของพระอริยะเจ้าแยกอาการได้เสียอาการคืออาการที่ ๑ อโศกจิตของท่านไม่เศร้าโศกไม่มีปริเทวนา การร้องไห้เสียใจจิตของท่านมีความสุขล้วนล้วนส่วนจิตใจของปุถุชนคนธรรมดาอย่างหนาไปด้วยกิเลสเต็มไปด้วยความรักความสุขความทุกข์ครอบงำความสุขย่อมเกิดจากความรักเป็นเหตุ เมื่อมีความรักก็มีความโศก ถ้าตัดความรักเสียแล้วความสุขจะมีแต่ที่ไหน อาการที่ ๒ วิรช จิตของพระอริยะเจ้าผ่องแผ้วปราศจากฝุ่นไร้ธุลีคือปราศจากราคะโทสะและโมหะคงจะมีแต่พุทธะคือรู้ตื่นเบิกบาน อาการที่ ๓ เขม จิตของพระอริยเจ้ามีแต่ความเกษมสำราญเพราะปราศจากห้วงน้ำไหลมาท่วมท้นห้วงน้ำใหญ่เรียกว่า "โอฆะ" ไม่อาจจะท่วมจิตของพระอริยเจ้าได้ อาการที่ ๔ จิตของพระอริยะ ไม่หวั่นไหวไปตามอำนาจกิเลสไม่ตกอยู่ในห้วงแห่งวิชชา จิตของพระอริยะมีแต่อาโลโก สว่างไสวแจ่มแจ้งธรรมทั้งหลายที่ยังไม่เคยพบเคยเห็น ตั้งแต่พบก่อนชาติก่อนและไม่เคยฟังจากใครเรานี้ก็แจ่มแจ้งไปเลยเพราะท่านตัดวิชชาเสียได้" 

หลวงปู่จูม  พนธุโล(พระธรรมเจดีย์).jpg
bottom of page