top of page

พระอาจารย์แบน ธนากโร

(พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร)

วัดดอยธรรมเจดีย์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร

ประวัติ

หลวงปู่แบน นามเดิมว่า สุวรรณ กองจินดา เกิดเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ ณ บ้านหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี บิดาชื่อนายเล็ก มารดาชื่อ นางหลิม กองจินดา มีอาชีพทำสวนทำไร่ ซึ่งเป็นอาชีหลักของชาวจังหวัดจันทบุรี
หลวงปู่แบนได้อุปสมบท เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ณ วัดเกาะตะเคียน ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยมีพระอมรโมลี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิพัฒน์พิหารการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์


เนื่องจากศรัทธาในวัตรปฏิบัติของหลวงปู่กงมา จิรปุญโญ ภายหลังได้ติดตามหลวงปู่กงมามาที่วัดดอยธรรมเจดีย์ จนหลวงปู่กงมามรณภาพ ท่านเป็นผู้มีความเด็ดเดี่ยว รักษาข้อวัตรปฏิบัติของครูบาอาจารย์พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ไว้อย่างเคร่งครัด เป็นที่เคารพของพระบรมวงศานุวงศ์นอกจากนี้ ท่านยังสร้างสาธารณะกุศลอีกมากมาย เช่น สร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์แบน ธนากโร ที่อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร เป็นต้น


วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร

โอวาทธรรม  

มันทุกข์เพราะ ทุกข์ความเกิด ทุกข์ความแก่ ทุกข์ความตาย เดี๋ยวนี้ไอ้ความเกิดน่ะ ใครว่าเป็นเรื่องสนุก ความเกิดมันไม่สนใจ ไม่มีใครคิดความเกิดเป็นทุกข์ และไม่มีใครคิดว่าความตายเป็นทุกข์ ความทุกข์ก็ใคร ๆ ก็ว่า อะไรน้า บางคนก็อกหักทุกข์นะ ทุกข์ กินไม่ได้นอนไม่หลับ น้ำหูน้ำตาไหล ร้องห่มร้องไห้ บางคนจะตาย


ทุกข์เพราะอะไรนะ ทุกข์เพราะเป็นหนี้เป็นสิน ไม่มีทางออก เป็นหนี้เป็นสินมีทางออกมันธรรมดานะ ไม่รู้จะออกยังไงไม่รู้จะหาทางออกยังไง ไอ้กู้ข้างนอกมันก็พอแรงแล้ว ไอ้กู้ในระบบมันก็ไม่มีทางแล้ว ทีนี้ทั้งข้างนอกข้างในถึงเวลาที่จะต้องส่ง อันนี้ทุกข์ ทุกข์ไม่มีทางออก อันนั้นเขาก็จะถูกยึด อันนั้นก็จะถูกยึด ส่วนมากคนที่เป็นทุกข์ทุกข์เพราะอย่างนี้ แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้พูดว่าอันนี้เป็นทุกข์ ทุกข์ก็คล้าย ๆ กับว่า เกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์บ้างก็ว่าโอ๊ยตายแล้วจะไปทุกข์อะไร นอนสบาย ไม่ต้องกินข้าวก็อยู่ได้ กี่วันกี่วันก็ไม่ได้ทุกข์เลย แต่ความจริงนะ ตายอย่างว่าตายนะยิ่งทุกข์ ผัวตาย เมียตาย ลูกตาย แม่ตาย ก็ยังทุกข์ แล้วเจ้าของตายจะไม่ทุกข์เหรอคำว่าทุกข์มันไม่ได้ผมขนเล็บฟันหนัง ดินน้ำลมไฟทุกข์ ใจทุกข์ ทุกข์เพราะร่างกายที่เรียกว่าเป็นเป็นของที่รักยิ่ง เรียกว่าจะต้องพลัดพรากจากกัน คุณสามีตายภรรยาก็เป็นทุกข์ร้องห่มร้องไห้เพราะทุกข์ เรียกว่าไม่มีโอกาสที่จะคืนเจอหน้าเจอตากันใหม่กันอีก ทีนี้เจ้าของตายนี่ยิ่งทุกข์กว่านั้นอีก ความเศร้าโศกเสียใจในด้านจิตใจนี่จะทุกข์มาก แต่ทีนี้จิตใจของเราเราไม่มองเราไม่มองกัน นี่ มันก็ไม่เห็นว่า แต่เวลาไม่มองมันก็ยังรู้นะว่าจิตใจเป็นทุกข์ เสียอันนั้นเสียอันนี้นี่ก็เป็นทุกข์ แล้วเวลาเสียร่างกายที่เสียไปไม่มีโอกาสที่จะคืนมา อันนั้นยิ่งทุกข์มาก ท่านจึงว่าความตายคือทุกข์ สามีตายก็เป็นทุกข์ ภรรยาตายก็เป็นทุกข์ ลูกตายเป็นทุกข์ พ่อแม่ตายเป็นทุกข์ ญาติพี่น้องตายก็เป็นทุกข์ เพื่อนตายก็ยังเป็นทุกข์ ผู้บ่าวผู้สาวที่กำลังจะแต่งงานกัน เวลามีอุบัติเหตุตายไปคนหนึ่ง ทุกข์ทั้งนั้น ใครเป็นคนอยู่ก็ทุกข์ แต่คนตายยิ่งทุกข์กว่านั้น คนตายยิ่งทุกข์กว่านั้น คือร่างกายที่เป็นที่รักยิ่งของเจ้าของมันแตกมันเสียมันตายไป และไม่มีโอกาสที่จะคืนมาได้ เราก็เหมือนกันนะ ที่เรียกว่าแม้แต่คุณภรรยาตายคุณสามีตายเรายังเป็นทุกข์ แล้วเราตายจะไม่เป็นทุกข์เหรอ


พูดถึงว่าความรัก บางคนก็ว่าฉันตายแทนได้ฉันตายแล้วนั่นน่ะ แต่ความจริงน่ะอันนั้นนะมันพูด มันคล้าย ๆ ส่วนลึกของใจมันเป็นอย่างนั้น เคยให้เขาทดสอบ ผัวนั่งอยู่ตรงนี้เมียนั่งอยู่ตรงนี้นั่งอยู่นี่หละ อันนี้เอาไม้ขีดมาสองก้านจุดจี้ใส่ผมผัวจี้ใส่ผมเมีย เมียจะดับผัวก่อนหรือจะดับไฟที่ไหม้หัวเจ้าของก่อน ผัวก็เหมือนกันนี่ รักเมียนี่รักจริง ๆ เอ้า จี้ลงไปพร้อม ๆ กันนี่ หัวเจ้าของต้องดับก่อน อันนี้คล้าย ๆ ต้องเป็นอย่างนี้ทั้งหมด แต่เวลา เพิ่นนะบอกเพิ่นตายแทนได้ก็จะตายเท่านั้น นี่ในเมื่อรักของเจ้าของมากนะคนอื่นตายก็ยังทุกข์ เจ้าของตายจะทุกข์นาดไหน พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้ระลึกถึงบ่อย ๆระลึกถึงบ่อย ๆ จะได้เคยชิน คิดนึกจนกระทั่งเรานี่เป็นของเกิดมาตายจริง ๆ ของเกิดมาตาย เขายังไม่ทันได้ตาย แต่ถึงยังไม่ตายก็ของตายก็คืออันนี้อันนี้อันนี้อันนี้ของตายทั้งนั้น และถ้าหากว่าของตายเขาก็ตายทุกวันตายทุกวัน ลมหายใจเข้าลมหายใจออกนั่น มันตายไปชั่วลมหายใจเข้าออก ค่ำมาตะวันตกดินมืดอย่างนี้นะ อันนี้ก็ตายไปแล้วสิบสองชั่วโมง สว่างมาแล้วตายไปอีกสิบสองชั่วโมงกลางคืน ตายอยู่และตายทุกขณะ แต่อย่างเราเราไม่คิดกันนะ พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ ความตายตายทุกขณะ ความตายทุกขณะ ท่านจึงสอนให้ระลึกถึงความตายทุกขณะ ถ้าหากว่าความตายนี่ตายไป เกิดมาตายไม่หายใจไปเผา คนจะระลึกถึงความตาย มันระลึกไม่เห็นดอก ถ้าตายอยู่ทุกขณะ บางทีมันระลึกมันก็ยังไม่เห็นนะว่าร่างกายอันนี้เป็นของตาย จึงให้ระลึกถึงมาก ๆ ถึงเวลาความตายของจริงเกิดขึ้น เราจะไม่ได้เศร้าโศก เพราะอันนี้เป็นของตายเท่านั้นเอง เป็นของที่เขาเกิดเกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาเพื่อตาย เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของใคร ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของเรา เขาเกิดมาเพื่อตาย อันนี้ธรรมชาติความจริงของเขาเป็นไปตามความจริงของเขานั้น ๆ จิตของเราไม่ได้ตาย จิตของเราไม่ได้ตาย ไอ้ที่เราระลึกถึงความตายความตาย ระลึกถึงความตายระลึกถึงความตายนะ ผมขนเล็บฟันหนังดินน้ำลมไฟเป็นของเกิดมาตาย จิตของเราไม่ได้ตาย ถึงว่าอันนี้มันตายจริง ๆ ตายไปไม่หายใจนี่ จิตของเราก็ยังเป็นจิตอยู่อย่างนั้นไม่ได้ตายร่างกายตายก็สักแต่ว่าของตาย เขาเกิดมาตายเท่านั้น จิตของเราไม่ได้ตาย แล้วเราจะไปเศร้าโศกทำไม การระลึกถึงความตายจึงมีประโยชน์อย่างยิ่ง เข้าใจมั้ย แล้วคนอื่นตายก็ไม่เสียใจ คนอื่นตายก็ไม่เศร้าโศก จะเศร้าโศกอะไร ก็ของตายเขาตาย ของตายเขาแสดงความจริงของเขาว่าเขาตาย เขาก็ตายแล้ว เขาแสดงความจริงของเขา ว่าเขาเกิดมาตายและเขาก็ตายจริง ๆ แล้วเราจะไปทุกข์มีประโยชน์อะไร ระลึกถึงความตายให้มาก ๆ จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่จากคนที่สนิทใกล้ชิดกันตายเราก็ไม่เสียใจ ถึงเราจะตายไปเราก็ไม่เกิดความเศร้าโศก การระลึกถึงความตายจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่มีใครสักคนหนึ่งต้องการทุกข์ต้องการเศร้าโศก การระลึกถึงความตายเท่านี้แหละ จะแก้ความเศร้าโศกได้เมื่อมีการพลัดพรากจากกัน ใครไม่อยากเศร้าโศกเวลามีการพลัดพรากซึ่งกันและกันและไม่มี เราจะไม่เศร้าโศกเวลาเราพลัดพรากจากเรา รีบระลึกถึงความตายมาก ๆ ได้ยินไหมล่ะชาวสุพรรณ กะมันก็ทั้งสุพรรณบุรีหรือว่าอ่างทองอยุธยา ตายทั้งนั้นหล่ะ อย่าว่าแต่เมืองมนุษย์เลย เมืองสวรรค์ก็ยังตาย เมืองสวรรค์ก็คือคนเกิดไปสวรรค์ จิตไปเกิดบนสวรรค์ ไปเสวยของทิพย์  อ่ะนี่ ในเมื่อหมดบุญมันก็ตาย สิ่งที่เกิดขึ้นนั่นแหละ ของตายทั้งนั้น ลูกหลานเราอุแว๊ ๆ  ดีอกดีใจเป็นผู้ชาย อุแว๊ ๆ  เป็นผู้หญิงน่ารักดีอกดีใจ ไม่คิดว่าของตายมันได้เกิดขึ้นแล้ว  คิดถึงว่าของตายได้เกิดขึ้นแล้วมันถูกไหม คิดว่าลูกเราหลานเราเกิดขึ้นแล้วมันถูกไหม ของตายเขาเกิด ของตายจะเป็นลูกเรายังไงจะเป็นหลานเรายังไง เอ้า เลี้ยงมันดีขนาดไหนก็ยังเถอะ บางทีมันยังไม่ทันจะโตมันตายก่อนเราก็มี ถึงว่าเราจะตายก่อนเขา นั่นแหละ เขาก็ยังจะต้องตายนั่นนะ เพราะว่าอันนี้คือของตายแล้วเขาได้เกิดขึ้น สมมุติว่าเป็นคน สมมุติเป็นสัตว์ สมมุติเป็นต้นไม้ต้นหญ้า อะไรก็คือของเกิดมาแล้วต้องตายทั้งนั้น ของเกิดขึ้นมาต้องตายทั้งนั้น ในเมื่อความจริงเป็นอย่างนี้ เราจะไปเศร้าโศกรู้สึกว่าเราไม่ยุติธรรมกับเรา 

พระอาจารย์แบน  ธนากโร(พระภาวนาวิสุทธิญาณ
bottom of page